วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วิธีการปิดเครื่อง shutdown วินโดวส์อย่างไวไม่เกิน 5 วินาที

วิธีการปิดเครื่อง shutdown วินโดวส์อย่างไวไม่เกิน 5 วินาที

ปกติ เวลาที่เราจะปิดเครื่องและจบการทำงานออกจากวินโด วส์ เราจะไปที่ปุ่ม Start > Turn off computer… > Turn off หรือไม่ บางคนก็อาจจะกดปุ่ม Power ตรงเคสหรือซีพียู(บางคนจะเข้าใจอย่างนี้) เพื่อปิดเครื่อง แต่บางคนก็ถอดปลั๊กเลยก็มี (ซึ่งวิธี shutdown เครื่องแบบหลังนี้ ถ้าไม่มีเหตุสุดวิสัยจริงๆ ไม่แนะนำให้ทำแบบนี้นะครับ เพราะจะเป็นอันตรายต่อฮาร์ดแวร์ในเครื่องโดยเฉพาะฮาร ์ดิสก์ไดรว์ ได้นะครับ)และจากวิธีการปิดเครื่อง shutdown เครื่องแบบตามวิธีการไปที่ ปุ่ม Start > Turn off computer… > Turn off นั้น วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการปิดเครื่อง shutdown วินโดวส์ได้อย่างรวดเร็วทันใจ ไม่เกิน 5 วินาที มาฝากกันครับ

วิธีการปิดเครื่อง ชัตดาวน์วินโดวส์อย่างไวไม่เกิน 5 วินาที มีขั้นตอนง่ายๆดังนี้
  • ให้กดปุ่ม Ctrl + Shift + Esc เพื่อเปิด Task Manager หรือจะไปคลิกขวาที่ Task Bar (บาร์ที่อยู่ด้านล่างของหน้าจอนั่นเอง) > เลือกเมนู Task Manager ก็ได้เช่นกัน
  • จากนั้นไปคลิ กที่เมนู Shutdown > เลื่อนhilight มาที่ Turn Off > จากนั้นให้กดปุ่ม Ctrl ค้างไว้ และคลิกที่เมนู Turn Off ดังรูป
Click the image to open in full size.


เพียงเท่านี้คุณก็จะปิดเครื่อง shutdown วินโดวส์ได้อย่างไวและรวดเร็วทันใจ ไม่เกิน 5 วินาที แล้วหล่ะครับ ลองนำทริกนี้ไปใช้ดูนะครับ วิธีนี้ไม่เป็นอันตรายนะครับแต่ว่าผมก็ไม่ค่อยใช้เหม ือนกัน จะใช้ก็ต่อเมื่อรีบเร่งปิดเครื่องเท่านั้นครับ

ขอขอบคุณข้อมูล
Webmonster's Blog

ข้อมูลจาก :
thaigaming.com

วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วิธีการปิดเครื่อง shutdown วินโดวส์อย่างไวไม่เกิน 5 วินาที

วิธีการปิดเครื่อง shutdown วินโดวส์อย่างไวไม่เกิน 5 วินาที

ปกติ เวลาที่เราจะปิดเครื่องและจบการทำงานออกจากวินโด วส์ เราจะไปที่ปุ่ม Start > Turn off computer… > Turn off หรือไม่ บางคนก็อาจจะกดปุ่ม Power ตรงเคสหรือซีพียู(บางคนจะเข้าใจอย่างนี้) เพื่อปิดเครื่อง แต่บางคนก็ถอดปลั๊กเลยก็มี (ซึ่งวิธี shutdown เครื่องแบบหลังนี้ ถ้าไม่มีเหตุสุดวิสัยจริงๆ ไม่แนะนำให้ทำแบบนี้นะครับ เพราะจะเป็นอันตรายต่อฮาร์ดแวร์ในเครื่องโดยเฉพาะฮาร ์ดิสก์ไดรว์ ได้นะครับ)และจากวิธีการปิดเครื่อง shutdown เครื่องแบบตามวิธีการไปที่ ปุ่ม Start > Turn off computer… > Turn off นั้น วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการปิดเครื่อง shutdown วินโดวส์ได้อย่างรวดเร็วทันใจ ไม่เกิน 5 วินาที มาฝากกันครับ

วิธีการปิดเครื่อง ชัตดาวน์วินโดวส์อย่างไวไม่เกิน 5 วินาที มีขั้นตอนง่ายๆดังนี้
  • ให้กดปุ่ม Ctrl + Shift + Esc เพื่อเปิด Task Manager หรือจะไปคลิกขวาที่ Task Bar (บาร์ที่อยู่ด้านล่างของหน้าจอนั่นเอง) > เลือกเมนู Task Manager ก็ได้เช่นกัน
  • จากนั้นไปคลิ กที่เมนู Shutdown > เลื่อนhilight มาที่ Turn Off > จากนั้นให้กดปุ่ม Ctrl ค้างไว้ และคลิกที่เมนู Turn Off ดังรูป
Click the image to open in full size.


เพียงเท่านี้คุณก็จะปิดเครื่อง shutdown วินโดวส์ได้อย่างไวและรวดเร็วทันใจ ไม่เกิน 5 วินาที แล้วหล่ะครับ ลองนำทริกนี้ไปใช้ดูนะครับ วิธีนี้ไม่เป็นอันตรายนะครับแต่ว่าผมก็ไม่ค่อยใช้เหม ือนกัน จะใช้ก็ต่อเมื่อรีบเร่งปิดเครื่องเท่านั้นครับ

ขอขอบคุณข้อมูล
Webmonster's Blog

ข้อมูลจาก :
thaigaming.com

โหลดเพลงเป็นล้านฟรี - ผ่าน Muziic

โหลดเพลงเป็นล้านฟรี - ผ่าน Muziic

muziic

download โปรแกรมนี้คลิ๊กที่นี่

หลังจากที่เราเคยมีประสบการณ์กับ Kazaa, LimeWire, และ Napter ซึ่งใช้การ download เพลงแบบ peer-to-peer ตัวใหม่ที่จะพูดถึงในวันนี้คือ Muziic ซึ่งเป็น desktop application ที่ใช้งานได้กับ Windows XP, 2003 และ Vista โดยโปรแกรมนี้จะทำให้คุณสามารถเข้าถึงเพลงได้เป็นล้าน ๆ เพลงเลยทีเดียว

Muziic ทำงานยังไง?

ด้วย Muziic คุณสามารถฟังเพลงฟรีแบบออนไลน์ และมีเพลงให้เลือกฟังเป็นล้าน ๆ เพลง ซึ่งคุณจะไม่มีปัญหาใด ๆ เหมือนอย่าง Napster
เพราะ Muziic นั้นเป็นการใช้งานที่ถูกกฏหมาย 100% คุณสามารถใช้โปรแกรมตัวนี้เพื่อค้นหาเพลงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงประเภทใด เก่าแค่ไหน

muziic-img-1

ในตอนแรกที่เริ่มใช้โปรแกรมนี้ใหม่ ๆ หน้าตาและการใช้งานโปรแกรมอาจจะยังไม่คุ้นเคยสำหรับคุณ แต่เมื่อคุณใช้ไปซักพัก คุณจะรู้สึกว่าโปรแกรมนี้สามารถใช้ค้นหา และฟังเพลงต่าง ๆ ได้สะดวกจริง ๆ

สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือดาวน์โหลด Muziic โดยคลิ๊กที่นี่ จากนั้นให้ทำการ Install โปรแกรม แล้วเปิดโปรแกรมขึ้นมาเพื่อใช้งาน

เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมา คุณจะเห็น Muziic player window ซึ่งเป็นขึ้นมาเพื่อให้คุณได้ scroll up และ down เพื่อเลือกแนวเพลงที่คุณต้องการ คุณสามารถเปิด genre หรือแนวเพลง และทำการดูรายชื่อเพลงต่าง ๆ ที่มีสมาชิกคนอื่น upload เข้าไปที่ Muziic ได้โดยการคลิ๊กที่ชื่อของเพลงนั่นเอง

muziic-img-4

เมื่อคุณเลื่อกแนวเพลง และเจอเพลงที่คุณต้องการจะฟัง คุณก็เพียงแค่คลิ๊กที่สัญลักษณ์ข้าง ๆ เพลงนั้น คุณก็สามารถเพิ่มเพลงนั้นเข้าสู่ play list ได้ทันที

muziic-img-5

เมื่อเลื่อกเพลงให้ไปอยู่ใน play list แล้วคุณก็สามารถ double click ที่เพลงเพื่อเริ่ม load และเล่นเพลงที่ต้องการได้ทันที

muziic-img-6

ตัวเดียวก็เกินพอ

Muziic มีตัว player ในการเล่นเพลงที่ให้คุณภาพเสียงได้ดีเยี่ยม คุณสามารถตั้งค่าให้เหมาะสมกับความเร็ว internet ของคุณโดยการคลิ๊กที่ setting tab และเลือกคุณภาพของเสียงระหว่าง Standard และ HQ Stereo (แบบ HQ หรือ High Quality นั้นคุณจะต้องมี internet ความเร็วสูง)

นอกจากคุณภาพเสียงที่สามารถปรับให้ตรงกับความไว internet ของคุณแล้ว คุณสามารถเลือกฟังเพลงได้เป็นล้าน ๆ เพลงเลยทีเดียว นับว่าเป็นโปรแกรมที่น่าโหลดไปลองใช้ดูอย่างยิ่งครับ

บทความโดย 2beshop.com

วิธีการปิดเครื่อง shutdown วินโดวส์อย่างไวไม่เกิน 5 วินาที

วิธีการปิดเครื่อง shutdown วินโดวส์อย่างไวไม่เกิน 5 วินาที

ปกติ เวลาที่เราจะปิดเครื่องและจบการทำงานออกจากวินโด วส์ เราจะไปที่ปุ่ม Start > Turn off computer… > Turn off หรือไม่ บางคนก็อาจจะกดปุ่ม Power ตรงเคสหรือซีพียู(บางคนจะเข้าใจอย่างนี้) เพื่อปิดเครื่อง แต่บางคนก็ถอดปลั๊กเลยก็มี (ซึ่งวิธี shutdown เครื่องแบบหลังนี้ ถ้าไม่มีเหตุสุดวิสัยจริงๆ ไม่แนะนำให้ทำแบบนี้นะครับ เพราะจะเป็นอันตรายต่อฮาร์ดแวร์ในเครื่องโดยเฉพาะฮาร ์ดิสก์ไดรว์ ได้นะครับ)และจากวิธีการปิดเครื่อง shutdown เครื่องแบบตามวิธีการไปที่ ปุ่ม Start > Turn off computer… > Turn off นั้น วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการปิดเครื่อง shutdown วินโดวส์ได้อย่างรวดเร็วทันใจ ไม่เกิน 5 วินาที มาฝากกันครับ

วิธีการปิดเครื่อง ชัตดาวน์วินโดวส์อย่างไวไม่เกิน 5 วินาที มีขั้นตอนง่ายๆดังนี้
  • ให้กดปุ่ม Ctrl + Shift + Esc เพื่อเปิด Task Manager หรือจะไปคลิกขวาที่ Task Bar (บาร์ที่อยู่ด้านล่างของหน้าจอนั่นเอง) > เลือกเมนู Task Manager ก็ได้เช่นกัน
  • จากนั้นไปคลิ กที่เมนู Shutdown > เลื่อนhilight มาที่ Turn Off > จากนั้นให้กดปุ่ม Ctrl ค้างไว้ และคลิกที่เมนู Turn Off ดังรูป
Click the image to open in full size.


เพียงเท่านี้คุณก็จะปิดเครื่อง shutdown วินโดวส์ได้อย่างไวและรวดเร็วทันใจ ไม่เกิน 5 วินาที แล้วหล่ะครับ ลองนำทริกนี้ไปใช้ดูนะครับ วิธีนี้ไม่เป็นอันตรายนะครับแต่ว่าผมก็ไม่ค่อยใช้เหม ือนกัน จะใช้ก็ต่อเมื่อรีบเร่งปิดเครื่องเท่านั้นครับ

ขอขอบคุณข้อมูล
Webmonster's Blog

ข้อมูลจาก :
thaigaming.com

โหลดเพลงเป็นล้านฟรี - ผ่าน Muziic

โหลดเพลงเป็นล้านฟรี - ผ่าน Muziic

muziic

download โปรแกรมนี้คลิ๊กที่นี่

หลังจากที่เราเคยมีประสบการณ์กับ Kazaa, LimeWire, และ Napter ซึ่งใช้การ download เพลงแบบ peer-to-peer ตัวใหม่ที่จะพูดถึงในวันนี้คือ Muziic ซึ่งเป็น desktop application ที่ใช้งานได้กับ Windows XP, 2003 และ Vista โดยโปรแกรมนี้จะทำให้คุณสามารถเข้าถึงเพลงได้เป็นล้าน ๆ เพลงเลยทีเดียว

Muziic ทำงานยังไง?

ด้วย Muziic คุณสามารถฟังเพลงฟรีแบบออนไลน์ และมีเพลงให้เลือกฟังเป็นล้าน ๆ เพลง ซึ่งคุณจะไม่มีปัญหาใด ๆ เหมือนอย่าง Napster
เพราะ Muziic นั้นเป็นการใช้งานที่ถูกกฏหมาย 100% คุณสามารถใช้โปรแกรมตัวนี้เพื่อค้นหาเพลงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงประเภทใด เก่าแค่ไหน

muziic-img-1

ในตอนแรกที่เริ่มใช้โปรแกรมนี้ใหม่ ๆ หน้าตาและการใช้งานโปรแกรมอาจจะยังไม่คุ้นเคยสำหรับคุณ แต่เมื่อคุณใช้ไปซักพัก คุณจะรู้สึกว่าโปรแกรมนี้สามารถใช้ค้นหา และฟังเพลงต่าง ๆ ได้สะดวกจริง ๆ

สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือดาวน์โหลด Muziic โดยคลิ๊กที่นี่ จากนั้นให้ทำการ Install โปรแกรม แล้วเปิดโปรแกรมขึ้นมาเพื่อใช้งาน

เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมา คุณจะเห็น Muziic player window ซึ่งเป็นขึ้นมาเพื่อให้คุณได้ scroll up และ down เพื่อเลือกแนวเพลงที่คุณต้องการ คุณสามารถเปิด genre หรือแนวเพลง และทำการดูรายชื่อเพลงต่าง ๆ ที่มีสมาชิกคนอื่น upload เข้าไปที่ Muziic ได้โดยการคลิ๊กที่ชื่อของเพลงนั่นเอง

muziic-img-4

เมื่อคุณเลื่อกแนวเพลง และเจอเพลงที่คุณต้องการจะฟัง คุณก็เพียงแค่คลิ๊กที่สัญลักษณ์ข้าง ๆ เพลงนั้น คุณก็สามารถเพิ่มเพลงนั้นเข้าสู่ play list ได้ทันที

muziic-img-5

เมื่อเลื่อกเพลงให้ไปอยู่ใน play list แล้วคุณก็สามารถ double click ที่เพลงเพื่อเริ่ม load และเล่นเพลงที่ต้องการได้ทันที

muziic-img-6

ตัวเดียวก็เกินพอ

Muziic มีตัว player ในการเล่นเพลงที่ให้คุณภาพเสียงได้ดีเยี่ยม คุณสามารถตั้งค่าให้เหมาะสมกับความเร็ว internet ของคุณโดยการคลิ๊กที่ setting tab และเลือกคุณภาพของเสียงระหว่าง Standard และ HQ Stereo (แบบ HQ หรือ High Quality นั้นคุณจะต้องมี internet ความเร็วสูง)

นอกจากคุณภาพเสียงที่สามารถปรับให้ตรงกับความไว internet ของคุณแล้ว คุณสามารถเลือกฟังเพลงได้เป็นล้าน ๆ เพลงเลยทีเดียว นับว่าเป็นโปรแกรมที่น่าโหลดไปลองใช้ดูอย่างยิ่งครับ

บทความโดย 2beshop.com

วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2552

8 วิธีในการดึงพื้นที่ฮาร์ดดิสก์คืนมา

8 วิธีในการดึงพื้นที่ฮาร์ดดิสก์คืนมา

เทคนิคหนึ่งที่นำมาใช้เสมอกรณีที่เริ่ม Setup คอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานเองก็คือ จัดแบ่งพาร์ติชั่นให้เหมาะสม โดยแยกให้เป็นพาร์ติชั่นสำหรับระบบปฏิบัติการ พาร์ติชั่นสำหรับ Application และสำหรับ Cache Drive หรือ Temp Drive และเมื่อใดก็ตามที่เห็นผู้ใช้งานท่านใด บ่นว่าไม่มีพื้นที่ในการเก็บข้อมูล เราว่าปัญหาแท้จริงนั้นไม่ใช่ว่าพื้นที่ทั้งหมดในฮาร ์ดดิสก์เต็มไปด้วยข้อมูล แต่ปัญหาจริงๆ ก็คือว่า การขาดการจัดการที่ดีมากกว่า แม้แต่ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ก็ต้องการการจัดการ

กรณีนี้กล่าวถึงเฉพาะในพาร์ติชั่นของระบบปฏิบัติการแ ละ Application เท่านั้น ส่วนตัวแล้ว กำหนดให้มีขนาดไม่เกิน 800
เมกะไบต์ เพราะถือว่าการติดตั้งซอฟต์แวร์ Application ในปริมาณที่เกินกว่า 1 เมกะไบต์นั้น เป็นการสิ้นเปลืองและการไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างแท้จร ิง รวมไปถึงการจัดการที่ไม่ดีด้วย แต่ถึงกระนั้นก็ตาม พื้นที่ 800 เมกะไบต์ของผมก็ยังเต็มอยู่บ่อย ด้วยเหตุนี้ผมจึงเรียบเรียง กลวิธีง่ายๆในการดูแลพาร์ติชั่นดังกล่าวให้สะอาดและม ีพื้นที่ว่างประมาณ 30 - 50 เมกะไบต์เสมอ ทำไมต้องมีพื้นที่ว่าง เพราะต้องว่างไว้สำหรับข้อมูลแคชของ Netscape , Internet Explorer , ไฟล์ที่มีผู้ส่งให้ทาง E-mail และข้อมูลที่ต้องถูกเก็บโดยอัตโนมัติในพาร์ติชั่นเดี ยวกับ Application ไม่สามารถแยกเก็บต่างหากได้


Click the image to open in full size.

1. Recycles Bin คือ สถานที่แรกที่ควรพิจารณาจัดการ ปกติถ้าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ขนาดของถังขยะจะมีความจุ 1/10 เท่าของพื้นที่พาร์ติชั่น กรณีของฮาร์ดดิสก์ 1 กิกะไบต์ ก็จะมีถังขยะขนาด 100 เมกะไบต์ หากไม่จัดการให้เหมาะสม ปล่อยให้ถังขยะเต็มอยู่ตลอดเวลา ก็จะเสียพื้นที่ 100 เมกะไบต์ไปโดยเปล่าประโยชน์


Click the image to open in full size.

2. การจัดการกับข้อมูลใน Disk Cache ของบราวเซอร์ เช่น Netscape , Internet Explorer ข้อดีของการมีข้อมูลเหล่านั้นไว้ก็คือ ประหยัดเวลาในการดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ต และใช้ดูขณะ Offline ได้ แต่ข้อเสียก็คือใช้พื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ ทางที่ดีควร "ล้างแคช" โดยการใช้ฟังก์ชั่น Clear Cache ของบราวเซอร์ที่ใช้งาน กรณีของ Netscape นั้น ไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ตอยู่ใน C:\Program File\Netcape\…\cache ส่วนกรณีของ Internet Explorer นั้นอยู่ใน C:\Windows\Teporary Internet File\ พื้นที่ที่ใช้ในการเก็บไฟล์เหล่านั้นเริ่มจากไม่กี่เ มกะไบต์ไปจนหลายสิบเมกะ ไบต์ ซึ่งหากพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ได้ใช้งานก็ควรลบออก

3. การจัดการกับไฟล์ที่ส่งแนบมากับจดหมายอิเลคทรอนิคส์ และไฟล์ข้อมูลที่ดาวน์โหลดเข้าเก็บไว้โดยโปรแกรมประเ ภท Offline Web Browser สำหรับไฟล์ที่แนบมากับจดหมายอิเลคทรอนิคส์นั้น อาจต้องการใช้งานระยะเวลาสั้นๆ หลังจากต้องดำเนินการขั้นต่อไปคือ ตัดสินใจว่าจะสำรองข้อมูลไว้ หรือลบทิ้ง หรือนำไปจัดเก็บในพาร์ติชั่นสำหรับข้อมูล ส่วนไฟล์ HTMLและรูปภาพที่ดาวน์โหลดโดย Offline Web Browser ถ้าหากต้องการเก็บไว้อ้างอิงระยะยาว ก็ควรย้ายไปยังพาร์ติชั่นสำหรับข้อมูลเช่นกัน หากไม่ต้องการใช้ก็ลบทิ้ง พื้นที่ว่างที่ได้เพิ่มขึ้นนั้น หลากหลายตามสัดส่วนความรกของไฟล์ สำหรับไฟล์ที่รับจาก e-mail กรณีที่ใช้งาน Eudora พบว่าบางครั้งไฟล์ขนาดใหญ่ และรับครั้งเดียวไม่สำเร็จ และเมื่อรับครั้งต่อไป ไฟล์นั้นจะถูกทิ้งไว้ และสร้างชื่อใหม่ขึ้นอีก ไฟล์ที่ใช้ได้คือไฟล์ที่สมบูรณ์ที่สุด ดังนั้นจึงควรตรวจสอบและกำจัดไฟล์ขยะทิ้งไป

4. ไฟล์นามสกุล .tmp ใน C:\Windows\temp เป็นไฟล์ชั่วคราว (Temporary File)ที่ถูกสร้างขณะที่ใช้งาน Application ต่างๆ ถ้าหากการใช้งานคอมพิวเตอร์โดยการเปิด-ปิดตามปกติ ไฟล์ชั่วคราวดังกล่าวจะถูกทำลายโดยอัตโนมัติเมื่อใช้ งานเสร็จ แต่ในกรณีที่วินโดวส์หยุดทำงานเพราะแฮงค์ ไฟล์ชั่วคราวดังกล่าวจะเหลืออยู่ และเมื่อเป็นปริมาณมากๆ ขนาดก็ใหญ่ตาม การกำจัดทำได้โดยใช้ยูทิลิตีส์ เช่น Norton Utility | Space Wizard

5. ทิ้งชิ้นส่วนที่ไม่ได้ใช้งานแต่ถูกติดตั้งลงไปเมื่อต ิดตั้งวินโดวส์ สำหรับวินโดวส์ภาษาไทย สิ่งที่ลบออกได้ก็คือ C:\Program File\Online Service จะสังเกตเห็นว่า Online Services ที่ให้มานั้นคือ ของ AT &T , CompuServe, AOL ซึ่งเป็น บริการที่หาไม่ได้ในประเทศไทย แต่ถูกติดตั้งโดยอัตโนมัติ ไม่มีตัวเลือกให้ว่าจะเลือกติดตั้งหรือไม่ติดตั้ง และไม่มีตัว Uninstall ที่มากับ Windows ด้วย การลบทำได้สองวีธีคือ ลบด้วยมือ โดยเข้าไปลบใน Windows Explorer หรือใช้ยูทิลิตีส์ในการ Uninstall เช่น Clean Sweep , Uninstall การทิ้งส่วนนี้ให้พื้นที่ว่างถึง 9 เมกะไบต์

6. Application ที่แถมมากับวินโดวส์ แต่ไม่ได้ใช้งาน กรณีนี้ควรตรวจสอบก่อนลบว่าต้องการใช้อยู่หรือไม่ เช่น Hyper Terminal , Word Pad Thai , Windows Messaging , Paint ,ทำให้พื้นที่ว่างลงอีกหลายเมกะไบต์ได้เช่นกัน การเอาออกทำได้โดยใช้ฟังก์ชัน Add/Remove Program ใน Control Panel

7. ไฟล์สำหรับติดตั้งระบบปฏิบัติการ แต่หลงเหลือไว้ในฮาร์ดดิสก์หลังจากติดตั้งวินโดวส์เส ร็จเรียบร้อย พบในบางกรณี เช่น Notebook ยี่ห้อ Toshiba เมื่อซื้อมานั้น มักจะมาพร้อมกับวินโดวส์ 95 ซึ่งถูกติดตั้งเรียบร้อย แล้ว แต่ไฟล์สำหรับติดตั้งนั้นจะอยู่ใน C:\Windows\Option ซึ่งมีขนาดความจุ 60 - 90 เมกะไบต์ ทั้งนี้ประโยชน์ของการมีไฟล์ดังกล่าวไว้คือ กรณีที่วินโดวส์เสียหาย ก็สามารถติดตั้งจากตัวต้นฉบับที่ถูกคัดลอกไว้ดังกล่า วได้ แต่ก็เสียพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ไป ทางที่ดีควรพิจารณาสำรองไว้ในแผ่นฟล๊อปปี้ หรือหากเป็นการใช้งานคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย (Workgroup) ก็ควรขอพื้นที่ในเซอร์เวอร์ เพื่อฝากไฟล์ดังกล่าว หรือหากไม่สามารถลบทิ้ง ไม่สามารถฝากไฟล์ไว้ที่เครื่องอื่นได้ แนะนำให้ลบไฟล์ชื่อ wowkit.exe ซึ่งมีขนาดถึง 19 เมกะไบต์ออก เพราะเป็นไฟล์ที่ไม่ได้ใช้งานกันตามปกติเช่นเดียวกัน

8. ไล่ดูแต่ละโฟลเดอร์ทั้งใหญ่และย่อยถ้าทำได้ บางทีอาจจะเหลือขยะที่ทำให้เราจัดการได้บ้าง เช่น ไฟล์ตกค้างใน Eudora , ไฟล์ตกค้างจากการใช้ Offline Browser เช่น Teleport หรือไฟล์ที่เราอาจจะค้นพบได้เพิ่มเติมว่า มันไม่มีประโยชน์ และเปลืองพื้นที่ฮาร์ดดิสก์โดยไม่จำเป็น

ข้อมูลจาก : thaigaming.com

วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2552

เทคนิคโหลดวิดีโอจากยูทูบง่ายเกินคาด!

ไม่ต้องลงโปรแกรม หรือติดตั้งปลั๊กอินใดๆ ในเบราว์เซอร์ให้ยุ่งยาก แค่เว็บไซต์เดียวซึ่งมีวิธีการใช้งานที่ไม่ต้องจำ ไม่ต้องสอน ก็ "สอย" วิดีโอดีๆ นับล้านๆ คลิปที่อยู่ในยูทูบได้ฟรีๆ

วิธีการก็เพียงแค่ เมื่อเปิดเจอวิดีโอไหนที่ต้องการดาวน์โหลด ก็แค่พิมพ์คำว่า "kick" ลงไปหน้าลิงก์นั้น ๆ

เช่น ลิงก์ของวิดีโอผู้จัดการมีที่อยู่เว็บดังนี้http://www.youtube.com/watch?v=u7-44fgpss8

เราก็เพียงพิมพ์คำว่า kick ลงไปข้างหน้าคำว่า Youtube ดังนี้ http://kickyoutube.com/watch?v=u7-44fgpss8

ก็จะมีแถบเครื่องมือของ KickYouTube ปรากฏอยู่ด้านบนของหน้าเว็บเพจปกติของยูทูบ

ขั้นตอนดาวน์โหลด

1. เลือกนามสกุลไฟล์ที่ต้องการนำไปใช้งาน ได้แก่ FLV, MPG, MP3, HD, MP4, iPhone

2. กดที่ปุ่มด้านขวามือที่เขียนว่า "Go"

3. จะมีป๊อปอัพขึ้นมาให้คุณกด "Save"

KickYouTube ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไว และเร็ว ในการดาวน์โหลดวิดีโอจากยูทูบที่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการ Online

วิธีกู้ Windows XP แบบไม่ต้องลงใหม่

วิธีกู้ Windows XP แบบไม่ต้องลงใหม่

ถ้าวินโดวส์มีป้ญหาไม่สามารถบู๊ตขึ้นภาพ Windows XP คุณๆจะมีวิธีของตนเอง เช่น เอาไฟล์ที่ ghost ไว้มาใช้ แต่ก็ปัญหาคือ ไฟล์ที่ได้ไม่ใช่ข้อมูลปัจุบัน หรือ format ลงวินโดวส์ใหม่ชึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยต้องลงโปรแกร มใหม่เป็นสิบตัว ยังต้องเสียเวลา Crack อีก ข้อมูลที่คุณทำไว้ก็หายหมด ผมมีวิธีการกู้แบบง่ายๆ ไปหาวิธีแบบยาก แล้วแต่เหตุการณ์ และสาเหตุ ซึ่งจะมีเทคนิคดังนี้

เทคนิคที่ 1 กู้แบบง่ายๆ

-สาเหตุ : ปกติคุณๆ มักชอบติดตั้งโปรแกรมใหม่ๆ เพิ่มเติม ผลปรากฎว่าเมื่อติดตั้งแล้วพอบู๊ตใหม่กลับบู๊ตไม่ขึ้ น สาเหตูอาจมาจากโปรแกรมที่ติดใหม่ ติดตั้งไฟล์ระบบตัวเก่าทับตัวใหม่ ทำให้วินโดวส์ไม่รู้จักไฟล์ระบบ เลยทำให้เกิดหน้าจอดำค้างไม่บู๊ตเข้าหน้าจอเดสก์ทอป

-วิธีแก้ไข : อาจจะใช้วิธี System Restore ใน Safe Mode โดยกดปุ่ม F8 ค้างไว้ ขณะบู๊ตเครื่องใหม่ แล้วเลือกไปที่หัวข้อ Safet Mode กู้วันที่ย้อนหลังครั้งล่าสุดที่ไม่ได้ติดตั้งโปรแกร ม หรือจะให้สะดวกกว่านี้ก็ให้เลือกหัวข้อ "Last Know Good Configuration" ก็จะกู้ระบบครั้งล่าสุดให้ทันที ทำให้บู๊ตเข้าวินโดว์ส ได้ตามเดิม

เทคนิคที่ 2 ก๊อปปี้ไฟล์ระบบ 3 ตัวทับไฟล์ระบบเดิม

-สาเหตุ :ถ้าวินโดวส์ไม่บู๊ตหรือรันหน้าต่าง Start up...Windows XP เลย อาจเป็นที่ไฟล์ Boot Sector ของไฟล์ระบบเสีย หรือมีปัญหาขัดแย้งกับไฟล์ ntldr หรือ ntdetect.com ทำให้บู๊ตไม่ขึ้นภาพ

-วิธีแก้ไข :ให้ก๊อปปี้ไฟล์ระบบจากเครื่องอื่นที่ลง Windows XP เหมือนกันหรือคุณจะก๊อปปี้ไฟล์ระบบที่เครื่องคุณเอาไ ว้ก่อนที่เครื่องจะมีปัญหาก็ได้ ด้วยใช้คำสั่ง xcopy ผ่านโหมด command line โดยทำตามขั้นตอนดังนี้

1. ก๊อปปี้ 3 ไฟล์ข้างนี้ โดยใส่แผ่นเปล่า (1.44MB)ลงในไดรว์ a:

Click the image to open in full size.


เมื่อก๊อปปี้เสร็จเอาเก็บไว้ใช้ในขั้นตอนต่อไป

2.บู๊ตเครื่องใหม่ แล้วกดปุ่ม F8 ค้างไว้ เพื่อไปหน้าจอ Safe Mode

3.เอาแผ่นดิสก์ที่ทำไว้แล้วตามข้อ 1 ใส่ไปที่เครื่อง ออกไปที่ DOS Prompt แล้วพิมพ์คำสั่งก๊อปปี้ไฟล์ตามข้างล่างนี้

Click the image to open in full size.


4.กดปุ่ม enter ตามหลังคำสั่ง

5. บู๊ตเครื่องใหม่อีกครั้ง ก็จะสามารถเข้าหน้าเดสก์ทอปของวินโดวส์ได้ตามเดิม

เทคนิคที่ 3 ซ่อมวินโดวส์ ด้วยแผ่นบู๊ต Boot CD Rom

-สาเหตุ : ปัญหานี้ส่วนใหญ่ สืบเนื่องจากการติดตั้ง Patch file ตัวใหม่ๆ แล้วไม่สามารถรองรับไฟล์ระบบของวินโดวส์หรือก็อปปี๊ไ ฟล์ .dll, .vdx, .inf ผิดเวอร์ชั่น หรือเผลอลบไฟล์ระบบบางตัว ก็เป็นสาเหตุได้ ฉะนั้นหากแก้ด้วยวิธีที 1,2 ไม่หาย ก็ต้องใช้วิธีที่ 3 ซ่อมแซมไฟล์ระบบใหม่ แทนที่จะเสียเวลาติดตั้งใหม่ วิธีนี้ก็จะช่วยย่นเวลาให้น้อยลง

-วิธีแก้ไข : เตรียมแผ่นบู๊ต CD Windows (แผ่นติดตั้งวินโดวส์) ใส่ใน CD-ROM แล้วบู๊ตเครื่องใหม่ จากนั้นทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

Click the image to open in full size.


1.เมื่อเข้าหน้าจอ Windows to Setup หน้าแรก ให้คุณกด Enter ผ่านขั้นตอนนี้ไป

Click the image to open in full size.


2.จากนั้นก็จะเข้าหน้าจอ windows XP Lincesing Agreement หน้าที่สอง กดปุ่ม F8 เพื่อยอมรับการติดตั้งใหม่

Click the image to open in full size.


3.เมื่อเข้าหน้าจอการติดตั้ง Windows XP Pro..Setup เลือกไดรฟ์ที่ติดตั้ง แล้วกดตัว R เพื่อซ่อมแซ่มไฟล์ที่สูญหายให้กลับคืนมาดังเดิม เมือเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรมต่างๆที่ติดตั้งไปก็ย ังคงใช้ได้เหมือนเดิมไม่ต้องติดตั้งใหม่ให้เสียเวลา

ปล. สำหรับผู้ที่ใช้ Harddisk แบบ SATA ในตอนบู๊ตแผ่นติดตั้ง Windows ให้กด F6 เพื่อติดตั้งไดรว์เวอร์ SATA ก่อนเข้าขั้นตอนที่ 1 ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้นวินโดวส์จะมองไม่เห็น Harddisk

เครดิต : คุณ augie จาก Pantip
ข้อมูลจาก : thaigaming.com

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Speed up by Disable

Speed up by Disable เร่งเครื่องให้เต็มที่ ด้วยวิธีพอเพียง

ปัญหา เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้านั้นผมเชื่อว่าเป็นส ิ่งที่หลายๆ คนต้องเคยเจออย่างแน่นอน หรืออาจจะกำลังเจอกันอยู่ หลังจากที่เพิ่งฟอร์แมตเครื่องไปเมื่อปีใหม่ที่ผ่านม าแค่เดือนเดียวเท่านั้นเอง ปัญหานี้ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ซะด้วย นั่นเพราะว่าวินโดวส์ไม่ดีหรือว่าเราไม่ไม่เข้าใจมัน กันแน่นะ?

ความอืดที่แลกมาเพื่อความสะดวก
จริงๆ แล้วระบบปฏิบัติการทุกตัวก็คงไม่ได้แตกต่างกันมากในเ รื่องของประสิทธิภาพหรอกครับ เพราะมันก็เป็นซอฟต์แวร์เหมือนๆ กัน มันขึ้นอยู่กับว่าซอฟต์แวร์นั้นถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างไ ร และให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลอะไรบ้างเท่านั้นเอง และระบบปฏิบัติการวินโดวส์ก็เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่ องของประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับระบบปฏิบัติการตัวอื่น ๆ

ถ้าลองไปถามใครต่อใครว่าระบบปฏิบัติการตัวไหนที่เร็ว ที่สุด คงไม่มีใครพูดถึงวินโดวส์จริงไหมครับ แล้วถ้าพูดถึงระบบปฏิบัติการที่ใช้งานง่ายและสะดวกที ่สุดล่ะ แน่นอนส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นวินโดวส์นั่นเอง ดังนั้นจากจุดนี้เองวินโดวส์ได้รับการออกแบบมาให้ใช้ งานได้สะดวกจึงทำให้มันมีการทำงานที่ค่อนข้างซับซ้อน และมีการทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมให้รองรับการใช้งา นด้านต่างๆ กับผู้ใช้ไว้เสมอ ซึ่งบางครั้งก็ต้องยอมรับล่ะครับ ว่าเราก็ไม่ได้ใช้

คุณเคยสังเกตกันบ้างหรือไม่ครับว่าระบบปฏิบัติการวิน โดวส์ที่คุณใช้อยู่นั้นสามารถทำงานได้ดีมาก จะทำโน่น ทำนี่ก็สามารถทำได้ทุกอย่าง ง่ายไปหมด จะติดตั้งโปรแกรม หรือจะใช้งานอุปกรณ์อะไรก็สามารถรองรับได้หมด แล้วคุณคิดว่าความสามารถทั้งหมดจะต้องการโค้ดหรือชุด คำสั่งที่มีความสลับซับซ้อนมากเพียงใด และโค้ดคำสั่งเหล่านี้จะต้องใช้การประมวลผลจากซีพียู แค่ไหน


Service ต่างๆ ในวินโดวส์
จริงอยู่ว่าคุณอาจจะไม่ได้ใช้งานฟังก์ชันทั้งหมดที่ม ันใส่มาในระบบ แต่ว่าของอย่างนี้ก็เลือกไม่ได้หรอกครับ คนที่พัฒนาซอฟต์แวร์ก็ต้องออกแบบให้มีความสมดุลและเอ ื้ออำนวยให้กับผู้ใช้ทุกๆ กลุ่ม นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ภายในเครื่องของเรามีฟังก์ชันกา รทำงานที่ถูกเปิดทิ้งไว้มากมาย โดยที่เราแทบจะไม่เคยได้ใช้ หรือไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่ามีมันอยู่ในระบบด้วย


Service ต่างๆ ที่รันอยู่ในวินโดวส์ ลองเลื่อนแถมลงมาดูน่าจะนับได้ราวๆ ครึ่งร้อย

Service ถือว่าเป็นรูปแบบการทำงานของโปรแกรมภายในวินโดวส์อย่ างหนึ่ง โปรแกรมที่อยู่ในกลุ่ม Service นี้จะคอยทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ใช้ในด้านที่มันรับผิด ชอบ โดยจะคอยทำงานอยู่เบื้องหลัง จะว่าไปก็เหมือนกับโปรแกรมที่ทำงานในลักษณะ Background นั่นเอง แล้วคุณลองคิดถึงซิครับว่าถ้ามี Service ทำงานอยู่ประมาณ 30 ตัว เครื่องจะช้าลงขนาดไหน ทั้งๆ ที่คุณอาจจะได้ใช้งานมันไม่ถึง 10 ตัวเลยด้วยซ้ำไป

เปิดใช้ Service ให้พอเพียง อย่างเพียงพอ
สมัยนี้เป็นยุคพอเพียงครับ ดังนั้นเราจึงควรจะต้องปิด Service ที่ไม่จำเป็นทิ้ง เพื่อให้คอมพิวเตอร์เอาเวลาที่ต้องไปประมวลผล Service เหล่านี้มาประมวลผลงานที่เราทำจะดีกว่า มาถึงนี้เราจะเข้าไปปิด Service ได้อย่างไร แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าตัวไหนใช้บ้าง ไม่ใช้บ้าง เราจะไปดูพร้อมๆ กันเลยครับ

วิธีในการเข้าไปจัดการกับ Service
สำหรับ Service ในวินโดวส์นั้น คุณสามารถที่จะเข้าไปจัดการมันได้โดยมีวิธีการคือไปท ี่ปุ่ม Start แล้วเลือกคำสั่ง Run จากนั้นพิมพ์ service.msc ลงไปแล้วกดปุ่ม OK หน้าต่าง Service ก็จะรันขึ้นมาครับ โดยในนั้นจะมี Service มากมายในคุณได้ปรับการทำงาน (Startup Type) โดยจะแบ่งรูปแบบการตั้งค่าดังนี้
  • Automatic ให้เริ่มทำงานโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่คุณเปิดเครื่อง และบูตเข้าสู่วินโดวส์
  • Manual ไม่ให้เริ่มทำงานเอง แต่จะสามารถสั่งให้หยุดหรือเริ่มการทำงานได้โดยผู้ใช ้เอง หรือโปรแกรมบางตัว
  • Disable เป็นการปิดการทำงานของ Service ไม่ให้เริ่มการทำงาน

โหมด Startup ของ Service มีอยู่ด้วยกันหลัก 3 แบบแล้วแต่รูปแบบการใช้งาน

Service ไหนปิดได้บ้าง
เนื่องจาก Service ของระบบวินโดวส์มีอยู่มากมาย บางตัวเป็น Service ของโปรแกรมต่างๆ ที่เราติดตั้งไว้ และบางตัวก็เป็น Service ของระบบเอง ดังนั้นจึงต้องทราบก่อนว่า Service ไหนเป็นของอะไรและจะต้องใช้งานหรือไม่ จึงค่อยตัดสินใจปิดนะครับ เราไปดูกันเลยดีกว่ามี Service อะไรบ้างที่น่าจะปิดกันได้


ใช้คำสั่ง Run แล้วพิมพ์ service.msc เพื่อเข้าสู่หน้าจอ Service



หน้าจอ Service จะมีรายชื่อของ Service ในเครื่องคุณมากมาย



ดับเบิลคลิกที่ชื่อ Service เพื่อตั้งค่าเกี่ยวกับ Service นั้น



คุณสามารถคลิกขวา แล้วสามารถเลือก Start และ Stop เพื่อเริ่มและหยุดการทำงานของ Service ได้ทันที


  • AdobeLM Service: เป็น Service ของ Adobe ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรครับ ถ้าใครมีตัวนี้อยู่ก็ปิดได้เลย
  • Alerter: ตัวนี้ถ้าคุณไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายก็สามาร ถปิดได้เลย
  • Application Management: สำหรับตัวนี้ไม่แนะนำให้ปิดครับ แต่ให้เปลี่ยนเป็น Manual แทน
  • Automatic Updates: Service สำหรับ Windows Update ครับ ม่ควรปิดนอกเสียจากว่าคุณจะใช้วิธีการอัพเดตแบบ Offline อย่างโปรแกรม AutoPatcher แทนครับ
  • ClipBook: เป็นตัวสำหรับแชร์บางอย่างบนเครือข่าย ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว ปิดซะ
  • Computer Browser: ปิดอีกตัวถ้าไม่ได้ต่อกับเครือข่ายเหมือนกัน เพราะมันไว้สำหรับเข้าไปดึงไฟล์จากเครื่องอื่น
  • Cryptographic Services: ตัวนี้เป็นการเข้ารหัส ถ้าไม่แน่ใจว่าจำเป็นไหมก็ตั้งไว้เป็น Manual ครับ
  • Distributed Transaction Service: ตั้งค่าไว้เป็น Manual
  • DNS Client: ตัวนี้เปลี่ยนเป็น Manual ไปก็ได้ครับถ้าไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่าย
  • Error Reporting Service: เวลามีโปรแกรมแฮงก์แล้วให้กดปุ่ม Don’t Sent ก็เพราะเจ้า Service ตัวนี้แหละครับ ดังนั้นปิดมันไปเลย
  • Fast User Switching Compatibility: สำหรับเครื่องที่มีแรมน้อยปิดไปเลยดีกว่าครับ เพราะ Fast User Switching มีไว้สำหรับการสลับการทำงานของ User โดยไม่ต้อง Logout ก่อน ถ้าคุณมีหรือใช้แค่ User เดียวอยู่แล้วก็ปิดไปเลยครับ
  • FTP Publishing: ถ้าไม่ได้ใช้ FTP ก็ปิดได้เลยครับ
  • Help and Support: ถ้าคุณไม่เคยใช้ Help ของ Windows เลย (ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้) ปิดไปเลยดีกว่าครับ
  • HTTP SSL: ตั้งไว้เป็น Manual ครับ เผื่อต้องใช้เวลาเข้าเว็บที่มี Secure Login อย่างเว็บ E-Banking
  • Human Interface Device Access: ถ้าคุณไม่ได้ใช้ Hot-key หรือ remote system ก็ปิดไปก็ได้ครับ
  • IMAPI CD-Burning COM Service: Service สำหรับคนที่ใช้ไดรฟ์เขียนแผ่น CD/DVD ไม่ควรปิด แต่ตั้งไว้เป็น Manual จะดีกว่า เพื่อประหยัดเมมโมรี
  • Indexing Service: ตัวนี้เป็น Service ที่กินทรัพยากรสูงมาก สำหรับทำ Index ในการค้นหาข้อมูลในเครื่อง ดังนั้นถ้าคุณไม่ได้ใช้ฟังก์ชันค้นหาของวินโดวส์เลย ก็ปิดมันไปได้เลย เครื่องจะเร็วขึ้นอีกเยอะ
  • InstallDriver Table Manager: ตัวนี้ปิดไปได้เลยเหมือนกันครับ ไม่ส่งผลต่อการทำงาน
  • IPSEC Services: ตั้งไว้เป็น Manual ดีกว่า
  • Windows Messenger: ถ้าคุณไม่ได้ใช้ Windows Messenger (ไม่ใช่ MSN Messenger หรือ Windows Live Messenger นะครับ) ก็รีบปิดไปเลยครับ เพราะมันกินแรมเยอะมาก
  • MS Software Shadow Copy Provider: อันนี้ตั้งค่าให้เป็น Manual ครับ
  • Net Logon: อันนี้เปิดได้เลยครับถ้าไม่ได้เชื่อมต่อระบบเครือข่า ย
  • NetMeeting Remote Desktop Sharing: สำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ได้ใช้ Remote Desktop อยู่แล้วก็ปิด Service นี้ไปได้เลยครับ
  • Network Provisioning Service: ถ้าไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่ายก็ปิดอีกเหมือนกัน
  • NT LM Security Support Provider: ปิดไปได้อีก 1 ตัวเลยครับ
  • NVIDIA Display Driver Service: สำหรับคนใช้การ์ดจอ nVidia แล้วไม่ได้เปิดใช้ nVidia Desktop ก็ปิดดีกว่าครับ
  • Office Source Engine: ตัวนี้ปิดไปได้อีกเหมือนกัน ใช้ในกรณีที่ MS Office ของคุณมีปัญหาแล้วต้องการซ่อมแซมไฟล์ระบบ ซึ่งคุณสามารถใช้แผ่น CD ติดตั้งที่มีอยู่มาแทนได้อยู่แล้ว
  • Portable Media Serial Number Service: ตัวนี้ตั้งไว้เป็น Manual ครับเพราะเราน่าจะใช้สื่อแบบพกพากันบ่อยอยู่แล้ว
  • Print Spooler: ถ้าคุณไม่ได้มีพรินเตอร์ก็ปิดไปได้อีกแล้ว
  • Protected Storage: ปิดไปเลยครับ ถ้าคุณไม่ได้ให้คนแปลกหน้ามานั่งเครื่องคุณอยู่แล้ว
  • Remote Desktop Help Session Manager: เป็นอีกหนึ่งตัวที่ถ้าคุณไม่ได้ใช้ Remote Desktop ก็ปิดไปจะดีกว่า
  • Remote Procedure Call Locator: อันนี้ให้ตั้งไว้เป็น Manual ครับ
  • Remote Registry: รีบปิดไปเลยครับ Service นี้ ถ้าเปิดไว้อาจจะเป็นภัยในภายหลังได้
  • Removable Storage: ตัวนี้ไม่ควรปิดครับเพราะเราใช้พวกแฟลชไดรฟ์อยู่แล้ว อย่างดีก็แค่ตั้งไว้เป็น Manual ครับ
  • Routing and Remote Access: อันนี้ให้ตั้งเป็น Manual ครับ
  • Secondary Logon: ไม่ค่อยมีประโยชน์ครับ ปิดไปได้เลย หรือถ้าไม่แน่ใจก็ปรับเป็น Manual
  • Security Accounts Manager: ปิดไปเลยก็ได้ครับไม่ได้ใช้อยู่แล้วนอกจากจะใช้การเข ้ารหัสบน NTFS
  • Security Center: อันนี้ก็ปิดไปด้วยก็ได้ครับ กินทรัพยากรเครื่องไปเปล่าๆ
  • Server: ถ้าคุณไม่ได้ต่อกับเครือข่ายก็ปิดไปอีกตัวหนึ่งครับ
  • Smart Card: ไม่มีค่อยมีใครใช้ Smart Card กับเครื่องที่บ้านใช่ไหมครับ ดังนั้นปิดไปเถอะ
  • SSDP Discovery Service: ใช้สำหรับรองรับอุปกรณ์เครือข่ายแบบ UPnP ดังนั้นไม่มีก็ปิดครับ
  • Task Scheduler: ถ้าคุณไม่ได้ตั้งการทำงานอะไรไว้ที่ Task Scheduler อย่างสแกนดิสก์ หรือจัดเรียงข้อมูลก็ปิดครับ
  • TCP/IP NetBIOS Helper: ตั้งไว้เป็น Manual ครับตัวนี้
  • Telnet: ถ้าคุณเป็นผู้ใช้ตามบ้าน Telnet คงไม่ใช้ ดังนั้นปิดครับ แต่ถ้าคุณชอบซนหน่อยอาจจะตั้งเป็น Manual ก็ได้
  • Terminal Services: ถ้าคุณไม่ใช้ Remote Desktop ก็ปิดไปอีกเหมือนกัน
  • Uninterrupted Power Supply: ปิดไปได้เลยครับถ้าคุณไม่ได้ต่อ UPS เข้ากับคอมพิวเตอร์ผ่าน COM Port
  • Universal Plug and Play Device Host: อันนี้ปิดไม่ได้ครับ แต่ตั้งให้เป็น Manual ได้
  • User Privilege Service: อันนี้ให้ตั้งเป็น Manual ครับ
  • Volume Shadow Copy: ปิดไปได้เลยครับถ้าคุณไม่ได้ใช้ System Restore ของวินโดวส์
  • Windows Firewall/Internet Connection Sharing (ICS): อันนี้จะเปิดไว้ก็ได้ครับ แต่ถ้าคุณมีซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์อยู่แล้วมันจะซ้ำซ้อนก ันเล็กน้อย ดังนั้นปิดดีกว่า (ถ้าคุณมีซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์นะ)
  • Windows Image Acquisition (WIA): ใช้สำหรับดึงภาพออกจากกล้องดิจิตอลและสแกนเนอร์ ปิดถ้าไม่ได้ใช้
  • Windows Media Connect: ถ้าคุณไม่ได้มีเครื่องเล่น MP3 ที่รองรับการ Sync ข้อมูลกับ WMP ได้ก็ปิดไปได้เลยครับ
  • Windows Media Connect (WMC) Helper: ปิดตัวนี้ด้วยครับ มันสัมพันธ์กับตัวข้างบน
  • Windows Time: ถ้าไม่ได้ใช้ระบบตั้งเวลากับ Server ก็ไม่ต้องใช้ครับ
  • Wireless Zero Configuration: ปิดไปถ้าไม่ได้ใช้เครือข่ายไร้สาย
  • WMI Performance Adapters: อันนี้ก็ปิดได้ครับ สำหรับการใช้งานทั่วไป
  • Workstation: ปิด Service อันนี้ด้วยครับถ้าคุณไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่าย
ข้อควรระวัง
การแก้ไขการตั้งค่า Service ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงครับ ถ้าคุณปิด Service ที่สำคัญกับระบบอาจจะทำให้การทำงานบางอย่างไม่สามารถ ทำงานได้หรือส่งผลเสียหายต่อระบบ ดังนั้นควรอ่านรายละเอียดของ Service แต่ละตัวให้ดีเสียก่อน และถ้าไม่แน่ใจจริงๆ ก็อย่างไปปรับมัน หรือปรับเป็น Manual แทนที่ปิด เพื่อลดความเสี่ยงลง


แต่ละ Service จะมีคำอธิบายอยู่ข้างๆ ด้วย ก่อนปรับแต่ควรทำความเข้าใจว่า Service นั้นทำหน้าที่อะไร และจำเป็นต้องใช้หรือไม่


สรุป
จะเห็นได้ว่ามี Service ที่บางครั้งเราไม่ได้ใช้งานเลย หรือนานๆ ใช้ทีอยู่มากมายในเครื่องเรา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรของเครื่องไ ปโดยเปล่าประโยชน์ โดยเฉพาะคนที่ใช้คอมพิวเตอร์โดยไม่ได้เชื่อมต่อกับระ บบเครือข่ายจะเห็นว่ามี Service ที่ไม่ได้ใช้อยู่เป็นจำนวนมากเลย

ก็ถือว่าเป็นทางเลือกอีกหนึ่งทางสำหรับคนที่ต้องการเ พิ่มความเร็วให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ แน่นอนว่ามันอาจจะมีประโยชน์มากๆ แต่นั่นก็หมายความว่าคุณจะต้องเสียความสามารถบางอย่า งของวินโดวส์ไปด้วยในปิดแต่ละ Service หรือว่าถ้าตั้งเป็น Manual พอมีการใช้งานทีหนึ่งก็ต้องเสียเวลามารัน Service อีกอยู่ดี ดังนั้นได้อย่างก็ต้องเสียอย่างครับ แต่สำหรับคนที่รู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องใช้งานอะไรบ้ างก็สามารถปิดส่วนที่ตนเองไม่ใช้งานจริงๆ และปรับเป็น Manual ในส่วนที่ใช้งานนานๆ ทีได้ เพียงแค่นี้ก็น่าจะเพิ่มความเร็วให้กับเครื่องคอมพิว เตอร์ได้อีกไม่มากก็น้อยล่ะครับ


ข้อมูลจาก : thaigaming.com

รวมฮิตเว็บแปลภาษาออนไลน์ ได้ผลทันใจ

รวมฮิตเว็บแปลภาษาออนไลน์ ได้ผลทันใจ

คนไทยกับการแปลภาษาเป็นของคู่กันมานาน เนื่องจากเราใช้ "ภาษาไทย" เป็นภาษาหลักในการสื่อสารทั้งในชีวิตประจำวัน และการติดต่อธุรกิจ ถึงแม้จะมีวัฒนธรรมข้ามชาติรายล้อมเข้ามามากมาย แต่ระดับการใช้ "ภาษาต่างประเทศ" ของคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังไม่สู้ดีนัก

แต่เมื่อโลกยุคโลกาภิวัฒน์ได้วนเวียนมาถึง ยิ่งยังประโยชน์ให้คนไทยสามารถเข้าใจ "ภาษานานาชาติ" ได้ผ่านตัวหนังสือบนเว็บไซต์ ถึงแม้จะไม่แตกฉาน แต่ก็พอที่จะจับใจความสำคัญได้ โดยผ่านการใช้เครื่องมือแปลภาษาออนไลน์จากเว็บไซต์นั่นเอง

วันนี้จึงอยากแนะนำ "สารพัดเว็บไซต์" ที่ช่วยให้คุณ "แปลสารพัดภาษา" ได้ดังใจ โดยไม่ต้องลงโปรแกรมใดๆ ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ต้องขอเรียนแต่เนิ่นๆ ว่า ผลการแปลนั้นจะเป็นการแปลภาษาอื่นๆ เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ภาษาไทย อยากรู้เหตุผลว่าทำไม? ต้องติดตามอ่านจนถึงบรรทัดสุดท้าย ได้ทราบคำตอบแน่นอน

เว็บแปลภาษา ใช้กับภาษาอะไรได้บ้าง?

สามารถแปลได้ถึง 35 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยรมัน ญี่ปุ่น จีนดั้งเดิม จีนประยุกต์ เกาหลี เวียดนาม อิตาลี สเปน ดัทช์ กรีก โปรตุเกส รัสเซีย อารบิก ฟิลิปินส์ บัลกาเรีย กลันลตัน โครเอเชีย เดนมาร์ก ฮินดี ฟินนิช อินโดนีเชย ลัตเวีย ลิโทเนีย นอร์เวย์ สโลวาเกีย สโลวัค เซอร์เบีย ฮิบรู โรมาเนีย สโลวาเกีย โปแลนด์ เช็ก และ บัลกาเรีย

โดยมีภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง ซึ่งทุกภาษาสามารถแปลกลับไปมาระหว่างภาษาอังกฤษ และแต่ละภาษาได้

แปลประโยค และแปลทั้งเว็บ

ขั้นตอนการใช้งานก็เพียงคัดลอกประโยคที่ต้องการและนำไปวางในช่องที่ กำหนดไว้ แล้วเลือกภาษาที่ต้องการแปล หรือการนำที่อยู่เว็บไซต์ เว็บใด หน้าใดก็ได้ไปวางเอาไว้ แล้วเลือกภาษาที่ต้องการแปล

เว็บท่า (Portal Web) ยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 อย่าง วินโดว์ ไลฟ์, ยาฮู, และ กูเกิล ต่าง เปิดให้บริการแปลภาษาออนไลน์มาเป็นเวลานาน ซึ่งบริการของทั้ง 3 ค่ายนั้นจะมีความสามารถหลักที่เหมือนกัน คือ แปลประโยค และแปลทั้งเว็บได้ ฉะนั้นเรามาทำความรู้จักจุดเด่นของแต่ละค่ายกันเลย

วินโดว์ ไลฟ์ ทรานสเลเตอร์ ของไมโครซอฟท์ (www.windowslivetranslator.com)
ถือเป็นเว็บแปลภาษาที่มีฟีเจอร์ที่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการดูมุมมองหน้าต่างระหว่างทำการแปลได้หลายรูปแบบ (อาทิแบบแนวตั้ง, แบบบนล่าง, แบบที่คลิกที่ข้อความใดแล้วจะมีป๊อปอัพแสดงผลการแปลมาให้ ซึ่งดูผลได้ทั้งแปลจากต้นฉบับ และต้นฉบับไปยังการแปล) อีกทั้งตัวเว็บยังมีเมนูภาษาไทย ทำให้อุ่นใจขึ้นอีกเยอะ

นอกจากนี้แล้วนักแปลทั่วไปยังมีส่วนช่วยในการแปลภาษาด้วย เพียงคลิกที่ด้านบนมุมขวาของจอ จะมีปุ่ม "การแปลนี้มีประโยชน์หรือไม่" ก็จะร่วมประเมินผลการแปล และเสนอแนะคำแปลได้ รวมถึงบริการล่าสุด "หุ่นยนต์แปลภาษา" เพียงเพิ่มรายชื่ออีเมล mtbot@hotmail.com เข้าไปที่โปรแกรมสนทนาแบบทันที (Instant Messaging Service) อย่าง MSN ก็จะช่วยแปลภาษาให้คุณได้ทันที แต่เท่าที่ทดสอบจะสู้ QuickBot ที่เคยแนะนำไปก่อนหน้านี้ไม่ได้

ปลาน้อยแปลภาษาของยาฮู (http://babelfish.yahoo.com/)

ถือเป็นเว็บไซต์แปลภาษาออนไลน์แรกๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ มีจุดอ่อนคือ ไม่สามารถแปลเว็บไซต์ ที่ในชื่อที่อยู่ของเว็บมีภาษาต่างประเทศปนอยู่ได้

ทั้งค้น ทั้งแปล ด้วย กูเกิล ทรานสเลท (http://translate.google.com)

จุดเด่นของบริการแปลภาษาบนเว็บไซต์ของกูเกิล ที่นอกเหนือไปจากความสามารถสามัญเหมือนเพื่อนฝูงแล้ว ยังสามารถที่จะแปลและค้นหาคำแปลนั้นไปพร้อมๆ กัน โดยเข้าที่เมนู Translated Search แล้วพิมพ์คำค้นหาใดๆ ก็ได้ จากนั้นก็เลือกภาษาที่ต้องการแปล ผลลัพธ์ที่ได้คือ การค้นหาคำๆ นั้น ทั้ง 2 ภาษาพร้อมๆ กัน

นอกจากนี้แล้วทุกคนยังสามารถเป็นผู้ร่วมแก้ไขผลการแปลได้ด้วย การคลิกที่ Not quite right? และกดปุ่ม Edit อีกทั้ง กูเกิล ยังสามารถแปลภาษาของประเทศแถบเอเชียได้มากกว่าที่อื่น เช่น ภาษาฟิลิปปินส์ กลันตัน ฮิบรู เป็นต้น รวมไปถึงมีดิกชันนารี อังกฤษ-ไทย ไทย-อังกฤษ พร้อมตัวอย่างการใช้ประโยคด้วย

แปลหลายภาษาในคราวเดียว

ถือเป็นเว็บไซต์แปลภาษารุ่นใหม่ ที่มีจุดเด่นคือ เราสามารถเลือกให้แสดงผลกี่ภาษาในหน้าเว็บเพจเดียวก็ได้ นอกจากนี้ด้วยความสามารถด้านโปรแกรมจึงทำให้ไม่ว่าผู้ใช้จะใส่ข้อความภาษาอะไรลงไป ตัวเว็บก็จะสามารถรู้ภาษาต้นฉบับที่ต้องการแปลได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องเลือกคู่ภาษาให้เสียเวลา จะมีเว็บอะไรเด็ดๆ บ้าง ต้องตามไปดูกัน

* nicetranslator : เลือกภาษาที่ต้องการแปลก่อน ว่าอยากได้ภาษาอะไรบ้าง จากนั้นก็ค่อยใส่ประโยคที่ต้องการลงไป ก็จะมีผลการแปลด้านล่างทันที พร้อมกันทุกภาษา

หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือ

* frengly แปะประโยคที่ต้องการแปล กดเลือกภาษาที่ต้องการแปล ก็จะมีข้อความขึ้นให้ด้านล่างทันที

ท่านผู้อ่านจะเห็นว่าทั้ง 5 เว็บไซต์ที่เราได้แนะนำไปข้างต้นนั้น จะใช้ "หุ่นยนต์" ในการแปลภาษาทั้งสิ้น อีกทั้งยังอาศัยผู้แปลแค่รายเดียว

ฉะนั้นจะดีกว่าไหมถ้าเราจะสามารถเลือก และประเมินผลการแปลของหุ่นยนต์ อีกทั้งยังหาผู้ช่วยแปลที่เป็นคนที่ต้องทานอาหาร 3 มื้อ และมีหัวใจที่เต้นได้เหมือนๆ กับเรา...เราขอเสนอ jollo.com

jollo แปลทุกค่าย มีผู้ช่วย

สำหรับผู้ที่ต้องการความแม่นยำในการแปลมากยิ่งขึ้น ก็จำเป็นจะต้องพึ่งพานักแปลจากหลายค่าย และเว็บ jollo ก็ได้รวบรวมหุ่นยนต์นักแปลออนไลน์สารพัดค่ายไว้ด้วยกัน อาทิ กูเกิล ยาฮู ไมโครซอฟท์ ให้คุณประเมินผลได้ด้วยตัวเอง! รวมถึงนักแปลที่เป็นคนจริงๆ นั่นคือ ผู้คนในชมรมของเว็บ jollo นั่นเอง

สำหรับฟีเจอร์การแปลจากทุกค่ายแค่คลิกเดียวนั้น นอกเหนือจากระบบการรับรู้ว่าภาษาต้นฉบับคือภาษาอะไรได้โดยอัตโนมัติแล้ว ยังเด่นที่การเลือกหมวดหมู่ของเนื้อหาที่ต้องการแปล เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น หมวดการเมือง เทคโนโลยี เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีระบบโหวต ให้คะแนนผลการแปลของแต่ละค่ายได้อีกด้วย

และอาจกล่าวได้ว่า jollo มีการสร้างระบบของเครือข่ายทางสังคมออนไลน์ (Social Network) สำหรับนักแปลไว้โดยเฉพาะ ซึ่งเพียงคุณเป็นสมัครสมาชิกเว็บไซต์ (ฟรี) ก็จะได้แต้ม 5,000 แต้มทันที ไว้สำหรับร้องขอให้คนในชมรมแปลช่วยแปลข้อความของคุณได้ โดยกดที่ปุ่ม Request Translations

มาถึงส่วนสุดท้ายที่สำคัญกับคำถามที่ว่า ไม่มีเว็บแปลภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทยหรือ?

ตอบได้อย่างฉะฉานว่า "มี" ซึ่งเว็บไซต์ที่ให้บริการแปลภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทยมีอยู่เพียง 2 รายเท่านั้น

รายแรกคือ “ภาษิต” เป็นผลงานวิจัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในรูปของเว็บไซต์ของศูนย์คอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และพันธมิตร

ครั้งหนึ่งเคยเปิดให้สมัครสมาชิกและใช้งานได้ แต่ตอนนี้คาดว่ากำลังปรับปรุงระบบอยู่จึงทำให้ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ (เมื่อสมัครไปแล้ว ไม่มีการส่งรหัสผ่านกลับมา จึงทำให้เข้าเว็บไปใช้งานไม่ได้) อย่างไรก็ดี เมื่อ 4 ปีก่อนผู้เขียนได้ลองใช้งานการแปลประโยคของ “ภาษิต” ซึ่งมีทั้งการแปลประโยค และแปลทั้งเว็บไซต์ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ถ้าจะถึงขั้นนำไปใช้งานเชิงธุรกิจ หรือ ทำการบ้านส่งอาจารย์ก็จะต้อง "เกลา" กันอีกยกใหญ่

รายที่ 2 คือ Thai2English ที่ มีการพัฒนาต่อยอดจากทรัพยากรของโครงการแปลภาษาของเนคเทค แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังห่างมาตรฐานในการทำความเข้าใจอยู่ดี เพราะการแปลนั้นจะเป็นการแปลที่ละคำ โดยอาศัยดิกชันนารีเข้ามาช่วย

และถ้าหากเป็นโปรแกรมแปลภาษา ที่จะต้องติดตั้งลงที่เครื่องก็มีผู้ให้บริการอยู่หลายราย ซึ่งจะไม่สะดวกตรงที่ต้องลงโปรแกรม และส่วนใหญ่จะต้องเสียค่าใช้จ่าย ประมาณ 300-500 บาท และมักจะจำกัดให้ใช้ได้กับคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว

ถึงตอนนี้ คุณอาจจะสามารถสังเกตได้แล้วว่า แม้กระทั่งเว็บไซต์ระดับโลกอย่างกูเกิล ยังไม่สามารถพัฒนาระบบการแปลภาษาอื่นเป็นภาษาไทยได้เลย! ถือเป็นโจทย์ที่น่าคิดสำหรับทีมพัฒนาโปรแกรมแปลภาษาของไทย และหวังว่าจะประสบความสำเร็จในเร็วๆ นี้ อย่าลืมวลีที่สร้างแรงบันดาลใจที่ว่า "คนไทย ถ้าตั้งใจจะทำอะไร ก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก!"

สรุป

เรื่องของการเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ จำเป็นจะต้องให้เวลา และรู้จักบ่มเพาะจินตนาการ อย่ากลัวที่จะตีความการแปลในแบบฉบับของตน เพราะการสื่อสารที่ดีที่สุด คือการสื่อสารให้อีกฝ่ายเข้าใจได้มากที่สุดนั่นเอง อาจจะไม่ได้ใช่แค่ภาษาพูด เขียน แต่ "อวัจนภาษา" ก็ช่วยให้คุณสื่อสารได้สำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว

ฉะนั้นเว็บไซต์ที่ได้แนะนำไปทั้งหมดนี้ ส่วนใหญ่ทำงานบนพื้นฐานของระบบโปรแกรม ไม่ได้มาจากมันสมองของมนุษย์ล้วนๆ จึงมีโอกาสผิดพลาดได้ ดังนั้นย่อมขึ้นอยู่กับผู้ใช้ที่จะนำผลลัพธ์ที่ได้ไปประยุกต์ต่อให้เกิด ประโยชน์ต่อการทำงานของตนได้อย่างไร

ทิปจาก :
ผู้จัดการออนไลน์

วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

วิธีใช้ google แบบมืออาชีพ

วิธีใช้ google แบบมืออาชีพ

Tip Computer 1.Google ใช้ and (และ) ในประโยคเสมอ เช่น ค้นหา harvest moon back to nature สำหรับ Google จะค้นหาแบบแยกคำ harvest AND moon AND...

2.การใช้ or (หรือ) คือให้หาข้อมูลมากขึ้นจากคำ A และ B นำผลที่ได้มารวมกัน พิมพ์ or ด้วยตัวใหญ่ระหว่างคำ เช่น vacation london OR paris คือหาทั้งในลอนดอนและปารีส

3.Google จะละคำทั่วไป (the, to, of) และอักษรเดี่ยว เพราะทำให้ค้นหาช้าลง แต่ถ้าคำนั้นช่วยให้หาข้อมูลง่ายขึ้นก็ใช้เครื่องหมาย + ข้างหน้า (เว้นวรรคก่อน) เช่น back +to nature

4.กันขอบเขตการค้นหาให้เล็กลงได้ด้วยการใช้ Advanced Search (หรือการค้นหาแบบพิเศษ ใน Google ไทย)

5.Google สามารถตัดคำพ้องรูปได้โดยใช้เครื่องหมาย - ช่วย โดยการนำไปอยู่คำที่จะตัด เช่น bass มี 2 ความหมายคือเกี่ยวกับปลาและดนตรี จะตัดที่มีความหมายเกี่ยวกับดนตรีออก ก็พิมพ์ bass -music

6.การค้นหาแบบทั้งวลี (คือค้นหาทั้งกลุ่มคำ) ให้ใช้เครื่องหมาย "..." เช่น "Breath of fire IV"

7.Google แปลเว็บภาษาอิตาเลียน, ฝรั่งเศส, สเปน, เยอรมัน และโปรตุเกส เป็นภาษาอังกฤษได้ โดยคลิก "Translate this page" ด้านข้างชื่อเว็บ

8.สามารถหาไฟล์ในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ HTML ได้ อาทิ Adobe Portable Document Format (นามสกุลของไฟล์ pdf) Text (นามสกุลของไฟล์ ans หรือ txt) วิธีใช้ filetype:นามสกุลของไฟล์ เช่น "Chrono Cross" filetype:pdf หมายความว่าเอกสารของ Chrono Cross ที่เป็น PDF ทั้งนี้ยังมีความสามารถดูไฟล์เหล่านั้นในรูปแบบ HTML ได้ โดยคลิก View as HTML (หรือ รูปแบบ HTML ใน Google ภาษาไทย)

9..สามารถเก็บ Cached ของเว็บที่จะเข้าชมไว้ได้ โดยคลิกที่ Cached (หรือ ถูกเก็บไว้ ใน Google ภาษาไทย) ช่วยให้สามารถเข้าบางเว็บที่โดนลบไปแล้วโดยข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลก่อนถูกลบ (ใหม่สุดที่มันจะมีได้)

10.Google สามารถค้นหาหน้าที่คล้ายกัน โดยคลิก Similar pages (หรือ หน้าที่คล้ายกัน ใน Google ภาษาไทย) จะค้นหาข้อมูลที่คล้ายๆ กันให้มากมายในเวลาที่รวดเร็วโดยไม่ต้องห่วงเรื่อง keyword

11.ค้นหา link ที่เชื่อมไปเว็บนั้นได้ วิธีใช้ link:ชื่อ URL เช่น link:www.google.com

12.ค้นหาเว็บจำเพาะเจาะจงได้ เช่น ต้องการหาเว็บเกี่ยวกับเข้ามหาวิทยาลัย Stanford ให้พิมพ์ admission site:www.stanford.edu

13.มีบริการการค้นหาด่วน โดยนำเว็บที่อยู่ลำดับแรกของการค้นหาส่งให้เลย เช่น ต้องการค้นหาเว็บมหาวิทยาลัย Stanford ด่วน พิมพ์ Stanford แล้วกด I"m Feeling Lucky (หรือ ดีใจจัง ค้นแล้วเจอเลย ใน Google ภาษาไทย)

ยังมีรายละเอียดน่าสนใจ เข้า Google พิมพ์ วิธีใช้ google แล้วค้นหา ก็จะพบ


ทิปจาก (รู้ไปหมด) www.matichon.co.th

ข้อความ Error Message ของฮาร์ดดิสก์แบบต่าง ๆ และวิธีแก้

ข้อความ Error Message ของฮาร์ดดิสก์แบบต่าง ๆ และวิธีแก้

ขึ้นข้อความ Error Message ว่า "Disk boot failure"
สาเหตุ เนื่องจากฮาร์ดดิสก์ไม่มีระบบปฏิบัติการหรือไฟล์สำคัญของระบบปฏิบัติการเสียหาย
วิธีแก้ โดยการลงระบบปฏิบัติการใหม่อีกครั้งโดยขั้นแรกให้บู๊ตจากไดร์ฟ A ก่อน โดยเขาไปเซ็ตที่ BIOSให้บู๊ตจากไดร์ฟ A เป็นไดร์ฟแรก จากนั้นให้นำแผ่นสตาร์ทอัพดิสก์ใส่ในไดร์ฟ A แล้วเริ่มเครื่องใหม่ เครื่องจะทำการบู๊ตผ่านทางฟล๊อปปี้ดิสก์ จากนั้นให้ทำการติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่ลงในไดเร็คทอรี่เดิม โดยไม่ต้องฟอร์แม็ต จะเป็นการซ่อมแซมไฟล์และทำให้ขอมูลอื่น ๆ ไม่สูญหาย

ขึ้นข้อความ Error Message ว่า"Harddisk Controller Fail"
สาเหตุ เป็นอาการเสียที่เมนบอร์ดที่ช่องเสียบฮารืดดิสก์แบบ IDE
วิธีแก้ เบื้องต้นให้ลองสลับสายฮาร์ดดิสก์มาใช้อีกช่องเสียบหน่งทีเหลือโดยให้ต่อ เป็นMaster กับSlave อีกวิธีหนึ่งให้ซื้อ Harddisk Controller เป็นการ์ดมาเสียบแล้วเข้าไปใน BIOS เพื่อเขาไปปิด ช่องเสียบฮาร์ดดิสก์บนบอร์ด ถ้ายังแก้ไม่ได้ให้นำเมนบอร์ดส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยน Chip set ที่เสีย

ขึ้นข้อความ Error Message ว่า"Primary Master Haddisk Fail"
สาเหตุที่ 1 ฮาร์ดดิสก์เสีย
วิธีแก้ ถ้าอยู่ในช่วงประกันสามารถเอาไปเคลมเพื่อแลกตัวใหม่ได้ แต่ถ้าพ้นช่วงประกันไปแล้วก็คงต้องซื้อใหม่เพราะอาการนี้ซ่อมยาก
สาเหตุที่ 2 เราทำการถอดฮาร์ดดิสก์ออกไปแล้วไม่ได้ใส่กลับในช่องเดิม ในขณะที่เราไปเซ็ตค่าไบออสให้จำค่าของฮาร์ดดิสก์ตัวเก่าไว้ แต่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข
วิธีแก้ ให้เข้าไปเซ็ตค่าไบออสใตรงกับฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่หรือเข้าไปสลับตำแหน่งฮาร์ดดิสก์ให้ถูกต้องเหมือนเดิม

รวมปัญหาและวิธีแก้ไขที่เกิดจาก Mouse & Keyboard

รวมปัญหาและวิธีแก้ไขที่เกิดจาก Mouse & Keyboard

Mouse
ปัญหา : เมาส์ไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว
สาเหตุ : สายเมาส์เสียบไม่แน่นหนาในช่องเสียบที่ถูกต้อง ซึ่งอยู่ด้านหลังของคอมพิวเตอร์
การแก้ปัญหา : ตรวจสอบและเสียบสายเมาส์ให้แน่น

ปัญหา : เมาส์ไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว
สาเหตุ : ไม่ได้ติดตั้งไดรเวอร์ของเมาส์ หรือ ติดตั้งไดรเวอร์ที่ไม่ถูกต้อง
การแก้ปัญหา : ตรวจดูให้แน่ใจว่าได้ติดตั้งไดรเวอร์ของเมาส์ที่ถูกต้อง จากเดสก์ทอปของวินโดวส์ให้คลิกที่ปุ่ม Start จากนั้น ชี้ไปที่ Settings แล้วคลิกที่ Control Panel เมื่อเห็นหน้าต่าง Control Panel ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Mouse แล้วคลิกที่แท็บ General

ปัญหาเกี่ยวกับคีย์บอร์ด
โดยปกติแล้วคีย์บอร์ดจะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยมีปัญหาเวลาใช้งานมากนัก แต่ถ้าใช้งานไปเป็นเวลานานก็อาจจะเกิดเป็นปัญหาขึ้นได้เหมือนกัน เช่น
ปุ่มคีย์บอรด์แข็ง กดแป้นพิมพ์ไม่ค่อยได้ บางทีกดปุ่มใช้งานคีย์บอร์ดไม่ได้เลยทั้งที่ซื้อมาใหม่
ปัญหาเหล่านี้ บางคนก็แก้ด้วยวิธีการซื้อมาเปลี่ยนใหม่เพราะราคาถูกทั้ง ๆ ที่เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ง่ายนิดเดียว ซึ่งมักเกิดกับคีย์บอร์ดมีดังนี้
-คีย์บอรด์แข็ง บางปุ่มกดไม่ลง
คีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์ที่เราต้องทำงานด้วยมากที่สุดพอกับใช้เม้าส์ โดยเมื่อใช้ไปนาน ๆ เข้าก็จะมีฝุ่นผงคราบสกปรกเข้าไปเกาะติดอยู่
พอสะสมมากเข้าจะเป็นเหตุให้ปุ่มบนคีย์บอร์ดแข็ง กดไม่ค่อยลงเกิดปัญหาเวลาใช้งานคีย์บอร์ด เช่น พิมพ์งานเอกสารหรือโปรแกรมสเปรดชีตต่าง ๆ
สำหรับวิธีแก้ไขคือ ให้ใช้แปรงปัดฝุ่นและคราบสกปรกตามซอกปุ่มต่าง ๆ บนตัวคีย์บอร์ด แต่ถ้าปุ่มแข็งมากให้ใช้วิธีถอดปุ่มมาทำความสะอาด
ดังนี้
1. ให้ใช้แปรงขนอ่อนขนาด 1 นิ้ว มาปัดฝุ่นตามซอกปุ่ม จนเห็นว่าสะอาดดีแล้ว ให้ลองกดปุ่มดุด้วยว่ากดได้งายขึ้นหรือไม่
2. หากยังไม่หาย มีปุ่มกดบางปุ่มยังแข็งอยู่กดปุ่มไม่ค่อยได้ ก็ให้ใช้ไขควงปากแบนค่อย ๆ งัดปุ่มออกม่ทีละปุ่ม เพื่อให้มีพื้นที่ว่างมากขึ้น
และใช้แปรงขนอ่อนปัดฝุ่นผงที่เกาะติดอยู่ตามซอกต่าง ๆ จนหมด หลังจากนั้นให้ใส่ปุ่มกลับเข้าที่เดิม ( แกะและทำความสะอาดทีละปุ่มจะได้ไม่งงเวลาที่ใส่กลับที่เดิม )
-เครื่องแจ้งว่า " KEYBOARD ERROR NO KEYBOARD PRESENT "
เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์มาทำงาน บางครั้งจะพบกับข้อความหน้าจอไบออสแจ้งว่า " KEYBOARD ERROR NO KEYBOARD PRESENT "หมายถึง ตรวจไม่พบคีย์?บอร์โที่ติดตั้งอยู่ สาเหตุอาจเป็นเพราะคีย์บอร์ดและเม้าส์ มีลักษณะเป็นขั้วต่อแบบ PS/2 เหมือนกัน ดังนั้นจึงอาจเสียบผิดก็ได้
การแก้ไขให้ตรวจสอบการเสียบบอร์ดที่ท้ายเคสว่าถูกต้องหรือไม่ ซึ่งขั้วต่อคีย์บอร์ดจะมีสีม่วง ส่วนขั้วต่อของเม้าส์จะมีสีเขียว ให้ถอดออกมาเสียบให้ถูกต้อง
หากยังมีข้อความดังกล่าวปรากฏอยู่อีกแสดงว่าคีย์บอรด์เสีย ให้หาซื้อมาเปลี่ยนใหม่ในราคาตัวละ 150-300 บาท
-เครื่องแจ้งว่า " KEYBOARD CONTROLLER FAILURE "
อาการดังกล่าวอาจมีสาเหตุมาจากคีย์บอร์ดเสีย ให้ลองหาคีย์บอร์ดอื่นมาลองติดตั้งใช้งานแทน หากพบว่าคีย์บอร์ดเสียจริงให้หาซื้อมาเปลี่ยนใหม่ ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งมักเกิด
จากชิปคอนโทรลคีย์บอร์ดที่อยู่บนเมนบอร์ดเสีย หรือลายวงจรควบคุมคีย์บอร์ดแตกหรือหลุดเนื่องจากการถอดเข้า-ออกขั้วต่อ คีย์บอร์ดบ่อยเกินไป
เมื่อคีย์บอร์ดใช้งานม่ได้ ผู้ใช้หลายคนจำเป็นต้องให้ช่างหาซื้อเมนบอร์ดมาเปลี่ยนใหม่ เนื่องจากการซ่อมเมนบอร์ดค่อนข้างยากจะร้านรับซ่อมไม่ค่อยได้
แต่ถ้าเป็นร้านที่มีความชำนาญในการรับซ่อมเมนบอร์ดโดยเฉพาะก็อาจจะซ่อมได้

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเมาส์
-เลื่อนเมาส์ไม่ค่อยได้
ปัญหายอดฮิตของการใช้เมาส์ แต่เนื่องจากเมาส์มีราคาถูกเพียงตัวละ 80-200 บาทเท่านั้น ผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงไม่ใส่ใจต่อปัญหานี้และคิดในใจว่าเป็นเพราะเมาส์ราคาถูก จึงเสียง่าย ความจริงแล้วเมาส์ไม่ได้เสียง่ายขนาดนั้นแต่เป็นเพราะเมาส์มีส่วนที่ต้อง เคลื่อนไหวมาก โดยการเลื่อนลูกบอลยางไปกับพื้นหรือแผ่นรองเมาส์ จึงมักดูดเอาฝุ่นผงสกปรกต่าง ๆ เข้ากับติดอยู่กับแกนหมุน ทำให้แกนหมุนไม่ทำงานจึงไม่สามารถที่จะตรวจจับตำแหน่งที่เมาส์เคลื่อนที่ไป ได้
สำหรับวิธีการแก้ไขก็คือ ให้ถอดเมาส์ออกมาทำความสะอาดเอาฝุ่นผงออกไปจากลูกบอลยางและแกนหมุนเท่านั้น เมาส์ก็จะใช้ได้ต่อไป โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดฝาครอบลูกบอลออก โดยหมุนบิดไปตามทิศทางของลูกศรที่แสดงบนฝาครอบ ใช้นำยาสเปรย์ฉีดทำความสะอาดลูกบอลและเช็ดให้แห้ง
2. ใช้นำยาสเปรย์ฉีดล้อหมุนแกนหมุนแนวตั้งและแกนหมุนแนวนอน และใช้ไม้สำลีเช็ดจนไม่มีฝุ่นผงติดอยู่ที่แกนหมุนทั้งสาม
3. เมื่อเห็นว่าแกนหมุนทั้งหมดสะอาดดีแล้ว ให้ใส่ลูกบอลพร้อมปิดฝาครอบกลับเข้าที่เดิม ซึ่งเมาส์ก็จะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม
- คลิกเมาส์ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
ภายในเมาส์จะมีสวิทช์ชนิดหนึ่งมีขนาดเล็กซึ่งเรียกว่า ไมโครสวิทช์สำหรับรับคำสั่งจากการคลิกเมาส์ เมื่อใช้เมาส์ไปนาน ๆ ก็จะมีเศษฝุ่นเข้าไปเกาะติดหน้าสัมผัสของวงจรภายในไมโครสวิทช์ ทำให้เกิดอาการคลิกเมาส์ไม่ค่อยได้จึงมีวิธีการแก้ไขดังนี้คือ
1. หงายท้องเมาส์ พร้อมกับใช้ไขควงคลายน็อตที่ยึดเมาส์ออกให้หมด
2. เปิดฝาครอบตัวเมาส์ออกมาแล้วจึงใช้นำยาสเปรย์ฉีดพ่นทำความสะอาดไมโครสวิทช์ หลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้นำยาสเปรย์ ได้แทรกเข้าไปละลายสิ่งสกปรกบนหน้าสัมผัสภายในสวิทช์ จนกว่าจะกดสวิทช์ได้อย่างสะดวก ซึ่งคงทำให้อาการดังกล่าวหายได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก น้องหญิง มากครับ

กฎ 20 ข้อในการพัฒนาเว็บให้เป็นเลิศและประสบความสำเร็จ

กฎ 20 ข้อในการพัฒนาเว็บให้เป็นเลิศและประสบความสำเร็จ

1. ให้ความนับถือผู้ชมเว็บของคุณ อย่าพยายามบังคับให้พวกเขาอ่านเนื้อหาในเว็บของคุณทั้งหมด ปล่อยให้พวกเขาเลือกและตัดสินใจเองว่าจะอ่านอะไร ให้ลองนึกว่าถ้าคุณเป็นผู้ชมเว็บ คุณจะทำอย่างไรกับหน้าต่างที่ป๊อบอัพขึ้นมาและกล่องโฆษณาที่เกลื่อนกลาดอยู่ เต็มไปหมด

2. โฆษณาที่แย่ กล่องโฆษณาที่น่ารำคาญอาจช่วยเพิ่มรายได้ให้คุณเพียงชั่วขณะหนึ่ง แต่ในระยะยาวแล้ว มันไม่ทำให้เว็บไซต์ของคุณประสบความสำเร็จได้ อย่างไรก็ตาม การผนวกโฆษณาเข้ากับเนื้อหาของเว็บไซต์ และจัดโครงสร้างของเว็บให้ดีก็จะช่วยให้โฆษณานั้นไม่รบกวนผู้ชม มันจะช่วยให้เว็บของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้นและยังช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่คุณ ได้ด้วย

3. ให้ข้อมูลและสอนผู้ชมเว็บของคุณ แบ่งปันความคิด ไอเดีย ประสบการณ์ และความรู้ของคุณให้กับคนที่ต้องการหรืออาจจะต้องการคำแนะนำจากคุณ เมื่อคุณมีข้อมูลเหล่านี้ คุณก็มีเครื่องมือที่ทรงพลังที่จะดึงดูดความสนใจของมวลชนมาที่งาน ความสนใจ และบริการของคุณได้ นอกจากนี้แล้ว ถ้าคุณแบ่งปันความรู้ที่มีคุณค่ากับผู้ใช้คนอื่น คุณก็จะได้รับการเคารพนับถือว่าเป็นบุคคลที่รู้ว่าเขาหรือเธอกำลังพูดถึง อะไร

4. สร้างสรรค์สไตล์ของคุณ สร้างสรรค์จากไอเดียของคุณ ทำให้ตัวคุณเกิดแรงบันดาลใจ แต่อย่าลอกเลียนแบบ มันน่าสนใจกว่ามากที่จะได้รู้ว่าคุณมีความสามารถอะไรแทนที่จะไปสนใจว่าคน อื่นมีความสามารถอะไร ค้นหาจินตนาการและความอยากรู้อยากเห็นของคุณเอง ไอเดียใหม่ๆ หรือไอเดียเก่าที่ถูกพัฒนาขึ้น ย่อมดึงดูดผู้ใช้เว็บมากกว่าของลอกเลียนแบบ

5. ใส่ใจกับมาตรฐาน คิดถึงคนให้มาก การใช้มาตรฐานเว็บที่ดีจะช่วยลดงานของคุณในอนาคตลงได้มาก เมื่อคุณจะสร้างเว็บสำหรับคนทั่วไป มันจึงมีเหตุผลที่คุณจะใช้เวลาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่จะตรวจสอบโค้ดต่างๆ และทำให้มันเป็นมาตรฐาน เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานดีแล้ว คุณก็ไม่ต้องกังวลว่าในอนาคตจะมีเว็บบราวเซอร์เวอร์ชั่นใหม่เกิดขึ้นมาซึ่ง จะทำให้เว็บของคุณมีปัญหา นอกจากนี้เว็บของคุณจะต้องสามารถอ่านได้ง่าย (readability) เข้าถึงได้ง่าย (accessibility) และใช้งานง่าย (usability) จำไว้ว่าคุณต้องนับถือผู้ชมเว็บของคุณ

6. ใช้ข้อความที่ชัดเจน อย่ากลัวที่จะบอกว่าคุณต้องการสื่ออะไร ความคลุมเครือทำให้เกิดระยะห่างระหว่างคุณกับผู้ชมเว็บของคุณอย่างไม่จำเป็น ให้ใช้ข้อความที่เด่นชัดต่อผู้ชมเว็บถ้าคุณต้องการนำเสนออะไรให้แก่พวกเขา ถ้าคุณระบุให้ชัดเจนว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่ คุณก็จะได้รับผลตอบรับที่ดีหรือได้คำตอบของคำถามที่คุณสงสัย

7. เกลียด Internet Explorer ได้ถ้าคุณอยาก แต่อย่าปฏิเสธผู้ใช้มัน อย่าออกแบบเว็บที่เหมาะสำหรับบางเว็บบราวเซอร์เป็นพิเศษ คุณควรออกแบบเว็บให้เหมาะสำหรับ Internet Explorer เหมือนกับที่ออกแบบให้กับบราวเซอร์อื่นๆ Internet Explorer อาจจะไม่ใช่บราวเซอร์ที่ดีที่สุด แต่ก็มีผู้ใช้เว็บถึง 85% ที่ใช้มันอยู่ ให้กลับไปดูกฎข้อที่ 1

8. เอาใจใส่เนื้อหาของเว็บ สำหรับเว็บที่กำลังพัฒนา คุณจะต้องทำให้มันมีข้อมูลที่น่าสนใจและมีรูปลักษณ์ที่ดูดี อย่าลืมว่าผู้ชมเว็บของคุณจะจดจำทุกสิ่ง เมื่อคุณแสดงลิงค์ไปยังเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมแก่พวกเขาโดยที่ไม่มีข้อความ อธิบายว่ามีอะไรซ่อนอยู่ภายใต้ลิงค์นั้น คุณก็จะไม่ได้เห็นผู้ชมเว็บเหล่านี้อีกเลย ถ้าโค้ดของเว็บไซต์เป็นร้อยกรอง เนื้อหาของเว็บไซต์ก็เป็นร้อยแก้ว

9. อย่ากังวลมากกับ SEO อย่าไปมองในระดับคีย์เวิร์ด เพราะมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเว็บไซต์ของคุณต้องการนำเสนออะไร การพยายามเพิ่มตำแหน่งใน search engine นั้นเสียเวลามากกว่าการเขียนบทความที่มีประโยชน์ลงในบล็อกของคุณ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญ SEO คุณจะทราบว่าคุณต้องปรับแต่งเว็บไซต์ตลอดเวลาเพื่อให้มีอันดับที่ดีขึ้น ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณเขียนบทความที่ดี มันจะอยู่กับเว็บไซต์ของคุณไปตลอด

9a. หลีกเลี่ยงการทำ SEO และ PageRank แบบผิดๆ การทำ Search Engine Optimization ที่ไม่ถูกต้อง (การแลกเปลี่ยนลิงค์กับทุกเว็บไซต์บนเน็ตเท่าที่เป็นไปได้ การโพสต์ลิงค์ของคุณในเว็บรวมลิงค์ ฯลฯ) จะทำให้เว็บของคุณถูกแบนจาก search engine สำคัญๆ ในที่สุด อัลกอริธึมของ search engine ถูกปรับปรุงตลอดเวลา ท้ายที่สุดแล้วความพยายามของคุณก็จะไม่เกิดประโยชน์ และยังเสี่ยงที่ PageRank จะกลายเป็น 0

10. ติดต่อ แต่อย่าสแปม ให้คนที่สนใจเนื้อหาของคุณได้รู้ว่าคุณมีเนื้อหานั้นๆ ต้องรู้ก่อนว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ จากนั้นให้เอาใจใส่กับคนที่อาจจะสนใจในบริการของเว็บคุณ นึกถึงเว็บไซต์ที่พวกเขาชอบเข้าไปชม แล้วติดต่อเจ้าของเว็บไซต์เหล่านี้เพื่ออธิบายถึงประโยชน์ของบริการของคุณ แต่จำไว้ว่าคุณไม่ได้เขียนถึงโปรแกรม แต่คุณกำลังเขียนถึงมนุษย์ ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะแบ่งปันบริการของคุณให้กับผู้ชมเว็บของเขาหรือ ไม่ จำไว้ว่าจะส่งลิงค์ แต่ให้ส่งคำเชิญชวนที่มีข้อความที่สุภาพที่อธิบายว่าเว็บของคุณมีอะไรที่แตก ต่างจากเว็บอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน ต้องมั่นใจว่าคนที่คุณเขียนถึงตระหนักได้ว่ามันสำคัญต่อผู้ชมเว็บของพวกเขา อย่างไร จงจำไว้ว่าคุณไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่ทำเพื่อผู้ใช้ อย่าสแปม อย่าโฆษณา แต่ให้เผยแพร่สิ่งที่มีประโยชน์

11. ไม่ต้องเกรงใจที่จะถาม มีนักพัฒนาเว็บจำนวนมากที่เคย กำลัง หรือจะถามคำถามเดียวกับที่คุณมีอยู่ตอนนี้ อย่าลังเลที่จะถาม อย่าลังเลที่จะหาคำตอบ ยิ่งคำถามของคุณฉลาดมากเท่าไร คำถามนั้นก็มีโอกาสจะได้รับคำตอบมากขึ้นเท่านั้น และยังทำให้คนพบเว็บของคุณจาก search engine อีกด้วย

12. ตอบอีเมลทันที ติดต่อกับลูกค้าที่มีศักยภาพของคุณให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ อย่าปล่อยให้อีเมลกองอยู่ใน inbox นานเกิน 12 ชั่วโมง อย่าส่งข้อความตอบกลับอัตโนมัติ คนที่เขียนข้อความถึงคุณรู้ว่าเขากำลังเขียนถึงคุณ อย่าทำให้คนอื่นเสียเวลาเช่นเดียวกับที่คุณไม่ทำให้ตัวเองเสียเวลา พยายามสร้างความประทับใจให้กับคนที่คุณติดต่อด้วย ตอบกลับอย่างมั่นใจ มืออาชีพ เป็นกันเอง และเป็นตัวของตัวเอง

13. ใช้ประโยชน์ของ social bookmark อย่ากลัวที่จะเผยแพร่เว็บไซต์ของคุณผ่าน Digg, Reddit, Furl, del.icio.us, Ma.gnolia, Blinklist และเว็บไซต์ social bookmark อื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ให้เลือก tag ที่จะใช้ในเว็บเหล่านี้อย่างระมัดระวังซึ่งจะทำให้ผู้ชมเว็บเข้ามาที่เว็บ ของคุณ และถ้า tag ถูกเลือกใช้อย่างมีเหตุมีผล ไม่เพียงแต่จะมีผู้ชมเว็บเข้ามาเท่านั้น แต่คุณยังสามารถโน้มน้าวให้พวกเขาช่วย tag บทความของคุณใน social bookmark ต่อด้วย

14. สร้างความสัมพันธ์ นักพัฒนาเว็บที่สร้างสรรค์มักจะได้รับการสนับสนุนจากบล็อกของนักพัฒนาเว็บด้วยกัน

15. คิดในระดับโลก ข้อมูลในเว็บของคุณอาจจะไม่ดึงดูดคนในประเทศของคุณ แต่โลกของเว็บนั้นไร้ขอบเขต แล้วทำไมคุณไม่สื่อสารกับคนทั้งโลกล่ะ? ไม่จำเป็นต้องหาตลาดเฉพาะ (niche) ที่ใกล้ตัวคุณ ในเมื่อคุณมีโอกาสที่ไม่จำกัดอยู่ทั่วโลก

16. อย่าแหกหลักการ ควรพูดคุยกับลูกค้าถึงแนวทางที่เว็บไซต์ควรถูกนำเสนอหรือพัฒนาขึ้น ให้ความเคารพกับมุมมองของลูกค้า แต่จงจำไว้เสมอว่าคนที่พัฒนาเว็บคือคุณ อย่าทำเพียงเพราะว่าคุณถูกสั่งให้ทำ ให้แก้ไขข้อผิดพลาดถ้าคุณพบว่าลูกค้าผิด จงเป็นมืออาชีพ เพราะในท้ายที่สุดแล้วคุณสร้างเว็บเพื่อผู้ใช้ ไม่ใช่เพื่อลูกค้าของคุณ

17. ติดตามข่าวสารสม่ำเสมอ ตื่นตัวตลอดเวลาว่ามีอะไรเกิดขึ้นในโลกอินเทอร์เน็ต เว็บถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีไอเดียใหม่ๆ ออกมาเสมอ อย่างไรก็ตาม นิตยสารด้านการออกแบบและพัฒนาเว็บก็คุ้มค่าที่จะอ่าน

18. เรียนรู้ที่จะสร้างสรรค์ ค้นหาไอเดียใหม่ๆ ตลอดเวลา พยายามเข้าไปอ่านตามกระดานข่าวของนักพัฒนาเว็บ มุ่งความสนใจของคุณไปยังสิ่งที่ผู้คนกำลังค้นหาและพูดถึงกันอยู่

19. ทำเว็บให้สวยขึ้น CSS ดีไซน์ที่โปร่งตา อ่านง่าย และดูชาญฉลาด คือความสวยงาม

20. ตระหนักถึงพลังอำนาจของเว็บอยู่เสมอ ให้การสนับสนุนแก่โครงการที่สำคัญต่อคุณในอนาคต

ทิปจาก : http://www.webmaster.or.th

วิธีแก้ error MSN code 81000378

วิธีแก้ error MSN code 81000378

ผมว่าคงมีหลายคนที่ออน MSN 8 ไม่ได้มันขึ้น error 81000378 มา ซึ่งผมก็เป็นเหมือนกัน แต่ตอนนี้หายแล้ว

วิธีแก้ error MSN code 81000378

ให้ทำตามนี้นะครับ
1. ไปที่ Start Menu -> run พิมพ์ว่า contacts แล้วลบทั้งหมดในนั้น
2. ไปที่ Start Menu -> run พิมพ์ว่า %userprofile%/Local Settings/Application Data/Microsoft/Windows Live Contacts แล้วลบทั้งหมดในนั้น
3. เข้าที่ Start Menu -> Control Panel -> Add or Remove Program -> Add/Remove Windows Components -> คลิกถูกที่ช่อง Windows Messenger แล้วกด Next พอโหลดเสร็จก็ sign in MSN ได้เลย

ข้อมูลจาก : http://www.thaisapclub.com/forums

เขียนซีดีให้ได้ Over ถึง 850 MB

เขียนซีดีให้ได้ Over ถึง 850 MB

ปกติ แล้วแผ่นซีดี 1 แผ่นจะเก็บข้อมูลได้สูงสุดไม่เกิน 700 MB แต่วันนี้นายเกาเหลาจะขอสร้างปาฏิหาริย์ ด้วยการเขียนข้อมูลให้ได้ความจุถึง 850 MB บอกก่อนนะครับว่าไม่ได้โม้ แต่ทำได้จริง ก่อนอื่น CD-Writer ของคุณจะต้องรองรับเขียนแผ่นแบบ Overburn หรือเขียนแบบ Oversize ได้ ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว CD-Writer ในปัจจุบันก็สามารถใช้งานแบบนั้นได้อยู่แล้ว (นอกเสียจากว่า CD-Writer จะเป็นรุ่นเจ้าคุณทวด อันนี้ก็คงต้องบายทิปนี้ไป)

คราว นี้ให้เปิดโปรแกรม Nero Express ไปเมนู Configure แล้วไปที่ TAB General จากนั้นมาที่รายการ Status bar ในหัวข้อ Yellow marker ใส่ตัวเลข 80 ส่วนช่อง Red marker ใส่ตัวเลข 99 จากนั้นมาที่ TAB Expert Features ใส่เครื่องหมายถูกหน้าข้อความ Enable Overburn Disk- at- onc และในช่อง Maximum CD size ใส่เลข 99 ลงไปครับ ที่นี้เรามาลองเขียนแผ่นซีดีดู โดยตัวอย่างนี้ผมจะเลือกไฟล์ขนาด 850 MB มาลองเขียนลงไปบนแผ่นซีดีขนาด 700 MB อย่าลืมเลือกการเขียนแผ่นแบบ Disk-at-once จากนั้นก็ Burn แผ่นได้เลย

ระบบ จะแจ้งว่า Over Burn Writing ซึ่งก็ไม่ต้องตกใจอะไรเพราะนี่คือการเขียนเกินขอบเขตของระบบ ทำให้คอมพ์มันถามยืนยันว่าจะเขียนแน่เหรอ...เราก็ตอบไปว่าแน่นอน โดยกดที่ปุ่ม Write Overburn Disc แค่นี้ก็เสร็จแล้วครับท่าน

แน่ นอนว่าเมื่อมีดีมันก็ย่อมมีเสีย โดยข้อเสียของการทำ Overburn คือ มันอาจจะทำให้มีการกระตุก หากมีการใช้งานกับไดรฟ์ CD-Rom บางรุ่น (ที่อาจจะไม่รองรับการเขียน-อ่าน Overburn) หรือบางทีอาจจะอ่านไม่ได้เลยก็มีเพราะมันไม่สามารถเคลื่อนหัวอ่านไปถึง พื้นที่บางจุดบนแผ่น เช่น ขอบด้านนอกของแผ่น เป็นต้นครับ...แต่ถ้าจำเป็นต้องบันทึกข้อมูลใหญ่ๆ เช่นนี้จริงๆ นายเกาเหลาว่าข้อดียอมมีกว่าข้อเสียนะครับ

ทิปจาก : www.arip.co.th

อันตราย 3 ประการที่คุณไม่รู้จัก

อันตราย 3 ประการที่คุณไม่รู้จัก

แฮกเกอร์จะแอบเข้ามาในเครื่องของคุณ โดยสามารถที่จะผ่านแม้แต่ระบบป้องกันที่ดีที่สุดเข้า มาจนได้ แล้วก็จะเริ่มก่อความเสียหายให้ในที่สุด

แฮกเกอร์ทั้งหลายนั้นเริ่มใช้วิธีการที่ก้าวร้าวและอ ันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาจะมีหนทางใหม่ ๆ อยู่เสมอในการที่จะแพร่โปรแกรมร้ายเข้าไปในเครื่องขอ งคุณ และถ้าใครที่คิดว่าแค่ Update ล่าสุด โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีที่สุด และไฟร์วอลล์ที่แกร่งที่สุด จะทำให้เครื่องของคุณปลอดภัยได้
บอกได้เลยว่าคิดผิดแล้ว

กรรมวิธีใหม่ ๆ ของแฮกเกอร์และมาเฟียอินเทอร์เน็ตทั้งหลาย นั้นได้สร้างปัญหาให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านควา มปลอดภัยต่างๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่อย่างน้อยคุณก็สามารถที่จะลดอัตราความเสี่ยงลงได้ CHIP จะแนะนำให้คุณรู้จักกับอันตราย 10 ประการ ที่เราเชื่อว่าหลายคนคงแทบจะไม่เคยได้ยินมันมาก่อน พร้อมทั้งแนะนำวิธีที่ดีที่สุดในการต่อกรกับพวกมันอี กด้วย

1. ช่องว่างในระบบรักษาความปลอดภัยของ Security Suite
ไฟร์วอลล์ โปรแกรมป้องกันไวรัส และโปรแกรมป้องกันสแปมเมล์ เป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่ในคำแนะนำด้านความปลอดภัยสำหรั บเครื่องพีซีที่ใช้วินโดว์สเป็นระบบปฏิบัติการ แต่ในขณะเดียวกันพวกมันก็เป็นเสมือนกับบัตรเชิญไปยัง มาเฟียอินเทอร์เน็ตทั้งหลายด้วย เพราะในโปรแกรมเหล่านี้จะมีบัก (Bug) อยู่ภายในเช่นเดียวกับในโปรแกรมอื่นๆ ทั่วไป ซึ่งจะกลายเป็นช่องโหว่ให้เจ้าตัววายร้ายต่างๆ สามารถเข้ามาสู่เครื่องของคุณได้ในทันทีที่มีการต่อเ ชื่อมอินเทอร์เน็ต เช่นเพื่อการอัพเดต

จากตัวอย่างของ Blackice Firewall จะเห็นได้อย่างชัดเจน ถึงความร้ายแรงของข้อผิดพลาดนี้ เมื่อแฮกเกอร์พบช่องโหว่ในระบบรักษาความปลอดภัย พวกเขาก็จะใช้มันให้เป็นประโยชน์ทันที โดยส่งเวิร์ม “Witty“ เข้าไปยัง Blackice Firewall ต่างๆ ทั่วโลก ภายในเวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมงมันจะเข้าไปทำลายข้อมูลทั้ งหมดที่มีอยู่บนฮาร์ดดิสก์ของผู้เคราะห์ร้าย

แม้แต่บริษัทใหญ่ๆ อย่าง Symantec ก็ต้องประสบกับปัญหานี้เช่นกัน อย่างที่แฮกเกอร์คนหนึ่งได้แสดงให้เราเห็นว่า สามารถนำข้อผิดพลาดใน Symantec Antivirus Corporate Edition ไปใช้ได้อย่างไร แค่ชั่วพริบตาเขาก็สามารถที่จะเข้าไปในเครื่องที่ดูเ หมือนจะมีการป้องกันเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบได้อย่างง่ ายดาย

ทางแก้ การแก้ไขปัญหานี้เป็นหน้าที่ของผู้ผลิตโปรแกรมรักษาค วามปลอดภัยที่ต้องตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและอุดช่องโ หว่เหล่านั้นได้อย่างทันท่วงที แต่อย่างไรก็ตามคุณไม่ควรที่จะปิดฟังก์ชัน Online Update ของชุดโปรแกรมรักษาความปลอดภัย ( Security Suite) ของคุณโดยเด็ดขาด เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดอื่นๆ ที่อาจจะร้ายแรงกว่าได้ ในขณะที่เรากำลังปิดต้นฉบับอยู่นี้ Symantec ก็ได้ทำการกำจัดบักที่แฮกเกอร์ได้สาธิตให้เราดูออกไป เรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างไรการป้องกันแบบ 100% นั้นก็คงยังไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน

2. เครื่องพิมพ์อันตรายในระบบเครือข่ายของบริษัท
แฮกเกอร์ยังคงค้นหาจุดอ่อนใหม่ๆ ในระบบเครือข่ายอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นผู้ดูแลระบบ (Administrator) ที่ดีจึงไม่ควรที่จะเพิ่มระบบป้องกันแต่เฉพาะบนเซิร์ ฟเวอร์และตัวไฟร์วอลล์เท่านั้น แต่ควรจะรวมไปถึงเครื่องไคลเอนท์ต่างๆ ให้ได้มากที่สุดด้วย แต่จุดอ่อนสำคัญอย่างหนึ่งที่มักจะถูกมองข้ามไปได้แก ่เครื่องพิมพ์ โดยเครื่องพิมพ์ที่สามารถใช้ในระบบเครือข่ายได้นั้นก ็จะเป็นเหมือนเซิร์ฟเวอร์ตัวหนึ่งด้วยเหมือนกัน นั่นหมายความว่า ถ้าใครที่ต้องการจะจู่โจมระบบของคุณ ก็สามารถที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าต่างๆ หรือแม้แต่เข้ายึดครองระบบปฏิบัติการของเครื่องพิมพ์ อย่างสมบูรณ์แบบเลยก็ได้

เมื่อหลายปีที่ผ่านมา Hacker FX จากกลุ่ม Hacker Phenoelit ได้นำข้อมูลและเครื่องมือที่สามารถนำไปใช้เปิดช่องโห ว่ของเครื่องพิมพ์ยี่ห้อ HP ได้ออกมาเผยแพร่ และในปีนี้แฮกเกอร์อีกคนก็ได้แสดงให้เราเห็นถึงพรินเ ซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการดัดแปลงมา ซึ่งบนนั้นจะมี Hacker Tool บางตัวทำงานอยู่แล้วด้วยซ้ำ

ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์ทำงานได้ง่ายขึ้นไปอีก เครื่องพิมพ์ที่ถูกดัดแปลงแล้วนี้จะสามารถส่งข้อมูลส ่วนตัวของผู้ใช้อย่างเช่น ข้อมูลบัญชีธนาคาร หลักฐานเงินเดือน

หรือแม้แต่พาสเวิร์ดกลับไปให้แฮกเกอร์ได้อย่างง่ายดา ยทุกครั้งที่เหยื่อต้องการพิมพ์ข้อมูลลงบนกระดาษ

ทางแก้
ความจริงแล้ววิธีการป้องกันในเรื่องนี้นั้นง่ายมาก แค่กำหนดรหัสผ่าน (Password) ที่แข็งแกร่งขึ้นมาใน Configuration Console ของเครื่องพิมพ์หรือการจำกัดสิทธิในการใช้งานก็มักจะ เพียงพอแล้ว

ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การมองออกไปให้ไกลกว่านั้นอีก เช่นมีอุปกรณ์ใดบ้างที่ต่อเชื่อมกับระบบเครือข่ายของ คุณ เพราะทั้งกล้องเว็บแคม เราเตอร์ไร้สาย และอุปกรณ์ต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ด้วยทั้งนั้น

3. แค่ไดรฟ์สติ้กก็สามารถเข้ายึดพีซีได้ทุกเครื่อง
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทุกคนรู้ดีว่าถ้าแฮกเกอร ์มาถึงหน้าเครื่องแล้ว แม้แต่การป้องกันที่ดีที่สุดก็จะไม่สามารถช่วยอะไรได ้อีกต่อไป ดังนั้น Terminal สาธารณะต่างๆ อย่างเช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องสมุด หรือในซูเปอร์มาร์เก็ตจึงมีการปิดกั้นการรับข้อมูลจา กภายนอกทั้งหมด เว้นแต่คีย์บอร์ด เมาส์ และจอมอนิเตอร์เท่านั้น แต่แค่นั้นก็มากเกินพอแล้ว

มีจุดเปราะที่เกิดจากความผิดพลาด (Error Source) อยู่ 2 ประการที่จะเป็นประโยชน์ต่อแฮกเกอร์ได้ ประการแรกคือในซอฟต์แวร์ทุกตัวซึ่งรวมทั้งวินโดว์สด้ วย จะมี Keyboard Combination (การกดปุ่มบนคีย์บอร์ดเป็นชุด เช่น Ctrl + Alt + Del) อยู่จำนวนหนึ่งที่ไม่มีการจดบันทึกไว้ ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้ผู้บุกรุกทำอะไรได้หลายๆ อย่างเช่น เปิดรันไดอะล็อกซ์ของวินโดว์สขึ้นมา หรือที่ยิ่งอันตรายไปกว่านั้นก็ได้แก่ Buffer OverFlow ในไดรเวอร์ Plug & Play

ในงานนิทรรศการ Hacker DefCon ที่ Las Vegas เราได้ให้ทดลองจู่โจมเครื่องโน้ตบุ๊กของเราดู ซึ่งการสาธิตนั้นใช้เวลาไปแค่ไม่กี่วินาที แค่แฮกเกอร์นำไดรฟ์สติ้กยูเอสบีที่สร้างขึ้นมาเองมาเ สียบเข้ากับเครื่องของเรา จากนั้นในชั่วแค่ไฟกระพริบนิดเดียว วินโดว์สก็จะหยุดทำงานและปรากฏบลูสกรีนขึ้นมาทันที ซึ่งถ้านี่ไม่ใช่แค่การทดสอบ เครื่องของเราก็คงจะมีโทรจันติดมาแล้ว

ทางแก้
ทางป้องกันที่ดีที่สุดคือปิดหรือถอดพอร์ตที่ไม่ได้ใช ้ออกเสีย แต่นั่นก็ไม่สามารถที่จะป้องกันการแอบเชื่อมกับคีย์บ อร์ดชั่วขณะของแฮกเกอร์ได้อยู่ดี ดังนั้นวิธีที่ดีกว่านั้นคือใช้โปรแกรมอย่างเช่น Device Wall ของ Contennial Software คอยเฝ้าระวังพอร์ตยูเอสบีทั้งหมด แต่ก็ยังคงต้องรอทดสอบจากการใช้งานจริงต่อไปอีกว่า มันจะใช้ได้ผลมากน้อยเพียงใด

ข้อมูลจาก : thaigaming.com

วิธีเสียบปลั๊ก Notebook‏ ที่ถูกต้อง

วิธีเสียบปลั๊ก Notebook‏ ที่ถูกต้อง

เรื่องนี้เป็นทิปสั้นๆ แต่..ทิปสั้นๆ นี้ ผมเชื่อว่ามีใครหลายยคนที่ไม่เคยรู้มาก่อน ประมาณว่า จริงเหรอ? ใช่เหรอ?

ในช่วงแรกๆ ที่ผมใช้โน้ตบุ๊กก็อาการเดียวกับหลายๆ ท่าน เวลาจะเสียบปลั๊กก็เสียบตัวอะแดปเตอร์เข้ากับตัวเครื่องก่อน (จริงๆ มันน่าจะถูกนะ) แล้วก็เอาปลั๊กอีกด้านไปเสียบกับเต้ารับของที่บ้าน หรือที่ทำงาน โดยหลักความเป็นจริงแล้ว มันจะควรจะทำแบบนี้ใช่มั้ย?

คิดว่าหลายคนคิดเหมือนผม ปัญหาที่ผมเจอเมื่อทำแบบนี้กับโน้ตบุ๊กแทบทุกรุ่นที่ ผ่านมา ก็คือมันมีไฟแลปออกมาจากตัวปลั๊ก เหมือนเกิดการสปาร์คขึ้น เสียบกี่ครั้งก็เกิดอาการแบบนี้ จนพาลคิดไปว่าพวกอะแดปเตอร์โน้ตบุ๊กมันไม่ค่อยดีมั้ง ผมก็หาวิธีแก้ไขบ้าง

เพื่อนหลายคนใช้วิธีเด็ดกว่านี้ครับ คือซื้อปลั๊กที่มีสวิทซ์เปิดปิดมาเลย วิธีการที่เขาทำก็คือ เสียบปลั๊กทุกๆ อย่างให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเปิดสวิทซ์ที่ปลั๊ก เอ้ออ.. ไอเดียดีเนาะว่ามั้ย แต่จนแล้วจนรอด ผมเอ๊ะใจขึ้นมา เลยเปิดคู่มือโน้ตบุ๊กที่ผมเพิ่งได้มาใหม่ดู นั่งอ่านสักพัก ก็ถึง บ้างอ้อ จนได้ว่า สิ่งที่เราทำมานั้น ไม่ถูกต้องเลยครับ

มิน่า เสียบยี่ห้อไหน ก็ไฟแลบตะแลบแป๊บหมด.. พาลเอาใจหายว่าไฟจะช็อตได้

ต่อไปนี้ตั้งใจอ่านให้ดีดีนะครับ
ในคู่มือเขาบอกไว้ชัดเจนเลยครับว่า วิธีการเสียบปลั๊กอะแดปเตอร์ของโน้ตบุ๊ก ที่ถูกต้องก็คือ ให้เราเสียบปลั๊กเข้ากับเต้ารับที่บ้านหรือที่ทำงานก ่อนครับ จากนั้นค่อยเอาปลายอีกด้านที่เหลือมาเสียบเข้ากับโน้ ตบุ๊ก อันนี้คือวิธีที่ถูกต้อง

ผมเลยลองดูซะเลยครับ ปรากฏว่าอาการไฟแลบหรืออาการสปาร์คนั้นไม่มีเกิดขึ้น เลย โอ้! นี่แหละหนาาา..นิสัยไม่ชอบอ่านคู่มือ หลังจากนั้นมาผมก็พยายามแนะนำเพื่อนๆ ทุกคนที่เกิดอาการนี้ทั้งหมด ทุกรายแฮปปี้ดีแทคมากๆ ผมเชื่อว่าหลายคนยังไม่ทราบครับ ใครที่ทราบแล้วก็ฝากบอกต่อเพื่อนๆ ด้วยนะครับ จะได้เสียบปลั๊กอะแดปเตอร์ได้ถูกต้องเสียที ใครใช้โน้ตบุ๊กอยู่ตอนนี้จะลองทำดูก็ได้นะครับ

ขอเพิ่มเติมด้วยว่า ใช้วิธีเดียวกันนี้กับ ทั้งมือถือ และ PDA ด้วย

ข้อมูลจาก : thaigaming.com

Blue Screen ปัญหาและวิธีการแก้ไข

ลองดูตามนี้เลยคับ
Blue Screen of Death จอสีฟ้าแห่งความตาย
มาดูสาเหตุและการแก้ไข Blue Screen กัน

คำว่า Blue Screen คนเล่นคอม จะรู้จักดีและเป็นสิ่งที่ทุกคนกลัวไม่อยากให้เกิดกับ เครื่องของตน เพราะถ้าเกิดนั้นเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าคอมของตนเริ่มม ีปัญหา แต่ที่น่าเจ็บใจคือมันบอกเป็นเลขระหัสที่เราๆ ท่านๆ ต้องงงเพราะไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร และจะมีทางแก้ไขอย่างไร ผมไปอ่านเจอมาว่าแต่ละตัวมีความหมายอย่างไร ก็ลองแปลมาให้คุณๆ ได้อ่าน คิดว่าน่าจะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา ได้บ้าง รหัสที่แจ้งของ Blue Screen จริงๆมีเกินร้อยตัว แต่ผมจะลงเฉพาะที่เกิดขึ้นบ่อยๆ จากการสำรวจ (ของเวปเมืองนอกเขา)

มาเริ่มต้นกันเลย

1.(stop code 0X000000BE)Attempted Write To Readonly Memory
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากการลง driver หรือ โปรแกรม หรือ service ที่ผิดพลาด เช่น ไฟล์บางไฟล์เสีย ไดร์เวอร์คนละรุ่นกัน ทางแก้ไขให้ uninstall โปรแกรมตัวที่ลงก่อนที่จะเกิดปัญหานี้ ถ้าเป็นไดร์เวอร์ก็ให้ทำการ roll back ไดร์เวอร์ตัวเก่ามาใช้ หรือ หาไดร์เวอร์ที่ล่าสุดมาลง (กรณีที่มีใหม่กว่า) ถ้าเป็นพวก service ต่างๆที่เราเปิดก่อนเกิดปัญหาก็ให้ทำการปิด หรือ disable ซะ

2.(stop code 0X000000C2) Bad Pool Caller
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
ตัวนี้จะคล้ายกับตัวข้างบน แต่เน้นที่พวก hardware คือเกิดจากอัฟเกรดเครื่องพวก Hardware ต่าง เช่น ram ,harddisk การ์ดต่างๆ ไม่ compatible กับ XP ทางแก้ไขก็ให้เอาอุปกรณ์ที่อัฟเกรดออก ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ให้ลงไดร์เวอร์ หรือ อัฟเดท firmware ของอุปกรณ์นั้นใหม่ และคำเตือนสำหรับการจะอัฟเดท ให้ปิด anti-virus ด้วยนะครับ เดียวมันจะยุ่งเพราะพวกโปรแกรม anti-virus มันจะมองว่าเป็นไวรัส

3.(stop code 0X0000002E) Data Bus Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากการส่งข้อมูลที่เรียกว่า BUS ของฮาร์แวร์เสียหาย ซึ่งได้แก่ ระบบแรม ,Cache L2 ของซีพียู , เมมโมรีของการ์ดจอ, ฮาร์ดดิสก์ทำงานหนักถึงขั้น error (ร้อนเกินไป) และเมนบอร์ดเสีย

4.(stop code 0X000000D1)Driver IRQL Not Less Or Equal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการไดร์เวอร์กับ IRQ(Interrupt Request ) ไม่ตรงกัน การแก้ไขก็เหมือนกับ error ข้อที่ 1

5. (stop code 0X0000009F)Driver Power State Failure
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจาก ระบบการจัดการด้านพลังงานกับไดรเวอร์ หรือ service ขัดแย้งกัน เมื่อคุณให้คอมทำงานแบบ"Hibernate" แนวทางแก้ไข ถ้าวินโดวส์แจ้ง error ไดร์เวอร์หรือ service ตัวไหนก็ให้ uninstall ตัวนั้น หรือจะใช้วิธี Rollback driver หรือ ปิดระบบจัดการพลังงานของวินโดวส์ซะ

6.(stop code 0X000000CE) Driver Unloaded Without Cancelling Pending Operations
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการไดร์เวอร์ปิดตัวเองทั้งๆ ทีวินโดวส์ยังไม่ได้สั่ง การแก้ไขให้ทำเหมือนข้อ 1

7.(stop code 0X000000F2)Hardware Interrupt Storm
สาเหตุและแนวทางแก้ไข: อาการที่เกิดจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น USB หรือ SCSI controller จัดตำแหน่งกับ IRQ ผิดพลาด สาเหตุจากไดร์เวอร์หรือ Firmware การแก้ไขเหมือนกับข้อ 1

8.(stop code 0X0000007B)Inaccessible Boot Device
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้จะมักเจอตอนบูตวินโดวส์ จะมีข้อความบอกว่าไม่สามารถอ่านข้อมูลของไฟล์ระบบหรื อ Boot partitions ได้ ให้ตรวจฮาร์ดดิสก์ว่าปกติหรือไม่ สายแพหรือสายไฟที่เข้าฮาร์ดดิสก์หลุดหรือไม่ ถ้าปกติดีก็ให้ตรวจไฟล์ Boot.ini อาจจะเสีย หรือไม่ก็มีการทำงานแบบ Multi OS ให้ตรวจดูว่าที่ไฟล์นี้อาจเขียน Config ของ OS ขัดแย้งกัน
อีกกรณีหนึ่งที่เกิด error นี้ คือเกิดขณะ upgrade วินโดวส์ สาเหตุจากมีอุปกรณ์บางตัวไม่ Compatible ให้ลองเอาอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นหรือคิดว่ามีปัญหาออก เมื่อทำการ upgrade วินโดวส์ เรียบร้อย ค่อยเอาอุปกรณ์ที่มีปัญหาใส่กลับแล้วติดตั้งด้วยไดร์ เวอร์รุ่นล่าสุด

9. (stop code 0X0000007A) Kernel Data Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดมีปัญหากับระบบ virtual memory คือวินโดวส์ไม่สามารถอ่านหรือเขียนข้อมูลที่ swapfile ได้ สาเหตุอาจเกิดจากฮาร์ดดิสก์เกิด bad sector, เครื่องติดไวรัส, ระบบ SCSI ผิดพลาด, RAM เสีย หรือ เมนบอร์ดเสีย

10.(stop code 0X00000077)Kernel Stack Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการและสาเหตุเดียวกับข้อ 9

11.(stop code 0X0000001E)Kmode Exception Not Handled
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดการทำงานที่ผิดพลาดของไดร์เวอร์ หรือ service กับ หน่วยความจำ และ IRQ ถ้ามีรายชื่อของไฟล์หรือ service แสดงออกมากับ error นี้ให้ทำการ uninstall โปรแกรมหรือทำการ Roll back ไดร์เวอร์ตัวนั้น
ถ้ามีการแจ้งว่า error ที่ไฟล์ win32k สาเหตุเกิดจาก การ control software ของบริษัทอื่นๆ (Third-party) ที่ไม่ใช้ของวินโดวส์ ซึ่งมักจะเกิดกับพวก Networking และ Wireless เป็นส่วนใหญ่
Error นี้อาจจะเกิดสาเหตุอีกอย่าง นั้นคือการ run โปรแกรมต่างๆ แต่หน่วยความจำไม่เพียงพอ

12.(stop code 0X00000079)Mismatched Hal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดการทำงานผิดพลาดของ Hardware Abstraction Layer (HAL) มาทำความเข้าใจกับเจ้า HAL ก่อน HAL มีหน้าที่เป็นตัวจัดระบบติดต่อระหว่างฮาร์ดแวร์กับซอ ฟท์แวร์ว่าแอปพลิเคชั่นตัวไหนวิ่งกับอุปกรณ์ตัวไหนให ้ถูกต้อง ยกตัวอย่าง คุณมีซอฟท์แวร์ที่ออกแบบไว้ใช้กับ Dual CPU มาใช้กับเมนบอร์ดที่เป็น Single CPU วินโดว์ก็จะไม่ทำงาน วิธีแก้คือ reinstall วินโดวส์ใหม่
สาเหตุอีกประการการคือไฟล์ที่ชื่อ NToskrnl.exe หรือ Hal.dll หมดอายุหรือถูกแก้ไข ให้เอา Backup ไฟล์ หรือเอา original ไฟล์ที่คิดว่าไม่เสียหรือเวอร์ชั่นล่าสุดก๊อปปี้ทับไ ฟล์ที่เสีย

13.(stop code 0X0000003F)No More System PTEs
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากระบบ Page Table Entries (PTEs) ทำงานโดย Virtual Memory Manager (VMM) ผิดพลาด ทำให้วินโดวส์ทำงานโดยไม่มี PTEs ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวินโดวส์ อาการนี้มักจะเกิดกับการที่คุณทำงานแบบ multi monitors
ถ้าคุณเกิดปัญหานี้บ่อยครั้ง คุณสามารถปรับแต่ง PTEs ได้ใหม่ ดังนี้
1. ให้เปิด Registry ขึ้นมาแก้ไข โดยไปที่ Start > Run แล้วพิมพ์คำสั่ง Regedit
2. ไปตามคีย์นี้ HKEY_LOCAL_MACHINESYSTEMCurrentControlSetControlSe ssion ManagerMemory Management
3. ให้ดูที่หน้าต่างขวามือ ดับคลิกที่ PagedPoolSize ให้ใส่ค่าเป็น 0 ที่ Value data และคลิก OK
4. ดับเบิลคลิกที่ SystemPages ถ้าคุณใช้ระบบจอแบบ Multi Monitor ให้ใส่ค่า 36000 ที่ Value data หรือใส่ค่า 40000 ถ้าเครื่องคุณมี RAM
128 MB และค่า 110000 ในกรณีที่เครื่องมี RAM เกินกว่า 128 MB แล้วคลิก OK รีสตาร์ทเครื่อง

14.(stop code 0X00000024) NTFS File System
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุเกิดจากการรายงานผิดพลาดของ Ntfs.sys คือไดร์เวอร์ของ NTFS อ่านและเขียนข้อมูลผิดพลาด สาเหตูนี้รวมถึง การทำงานผิดพลาดของ controller ของ IDE หรือ SCSI เนื่องจากการทำงานของโปรแกรมสแกนไวรัส หรือ พื้นที่ของฮาร์ดดิสก์เสีย คุณๆสามารถทราบรายละเอียดของerror นี้ได้โดยให้เปิดดูที่ Event Viewer วิธีเปิดก็ให้ไปที่ start > run แล้วพิมพ์คำสั่ง eventvwr.msc เพื่อเปิดดู Log file ของการ error โดยให้ดูการ error ของ SCSI หรือ FASTFAT ในหมวด System หรือ Autochk ในหมวด Application

15.(stop code 0X00000050)Page Fault In Nonpaged Area
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุการจากการผิดพลาดของการเขียนข้อมูลในแ รม การแก้ไขก็ให้ทำความสะอาดขาแรมหรือลองสลับแรมดูหรือไ ม่ก็หาโปรแกรมที่ test แรมมาตรวจว่าแรมเสียหรือไม่

16.(stop code 0Xc0000221)Status Image Checksum Mismatch
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุมาจาก swapfile เสียหายรวมถึงไดร์เวอร์ด้วย การแก้ไขก็เหมือนข้อ 15

17.(stop code 0X000000EA)Thread Stuck In Device Driver
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการของ error นี้คือการทำงานของเครื่องจะทำงานในแบบวนซ้ำๆ กันไม่สิ้นสุด เช่นจะรีสตร์ทตลอด หรือแจ้งerror อะไรก็ได้ขึ้นมาไม่หยุด ปัญหานี้ สาเหตุอาจจะเกิดจาก Bug ของโปรแกรมหรือสาเหตุอื่นๆ เป็นร้อย การแก้ไขให้พยายามทำตามนี้
1.ให้ดูที่ Power supply ของคุณว่าจ่ายกำลังไฟเพียงพอกับความต้องการของคอมคุณ หรือไม่ ให้ดูว่าในเครื่องคุณมีอุปกรณ์มากไปไม่เหมาะกับ Power supply ของคุณ ก็ให้เปลื่ยนตัวใหม่ให้กำลังมากขึ้น ปัญหานี้ผมเคยมีประสพการณ์แล้ว 2 ครั้ง คือ
-1.1 ประสพการณ์ครั้งแรก เกิดจากคอมเครื่องที่สอง (ผมมีคอมตั้งโต๊อยู่ 2 เครื่อง ปัจจุบันใช้ Notebook ) สเปคหลักๆนะครับ
CPU:AMD Barton 2500 (210*11=2310)
M/B:Abit A7N
Ram:1G Dual Kington
Powersupply: Enamax 465P-VE
และอุปกรณ์ตกแต่งตรึม แรกๆเครื่องก็ดีโปรแกรมหรือเกมที่ว่าหนักๆมารับได้หม ด อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดอาการ error ตามข้อนี้ พยามยามแก้แล้วแก้อีก มันไม่หายสักที่ ก็บังเอิญไปเจอบทความของคุณ A-e-e แห่ง UnlimitPC ตามลิงค์นี้ http://www.unlimitpc.com/modules.php?name=Artical&pa=showpage&pid=19 ก็ลองดูที่ ฺBios ก็เป็นจริงอย่างคุณ A-e-e ว่าไว้ ก็ไม่รอช้าจัดการตามที่คุณ A-e-e สอน เรียบร้อยหายไม่มีอาการมากวนใจอีก ต้องขอบคุณ คุณ A-e-e มา ณ ที่นี่ด้วยครับ
-1.2 ประสพการณ์ที่สอง เกิดกับคอมเครื่องแรก สเปค
CPU:AMD T-Bred 1700 (166*11=1826)(Over clock ขึ้นสมอง)
M/B:Soltek 75FRN2-RL
Ram:512MB Dual Geil
Powersupply: Enamax 351P-VE
และอุปกรณ์ตกแต่งตรึมเหมือนกัน เครื่องก็เหมือนเคยใช้ได้ไม่มีปัญหาอยู่ก็มี error แบบนี้อีก คราวนี้ไม่กลัวเข้าใจว่าคงเหมื่อนเครื่องที่แล้วตรวจ ที่ Bios ก็เป็นเหมือนเคยก็จัดการทำการแก้ไขเหมือนเคยที่แล้วม า ผลไม่หายครับเป็นอีก นั่งงมอยู่วันเต็มๆ ด้วยถอดชิ้นส่วนเครื่องทั้งหมดมาตรวจ ก็เจอปัญหาจนได้ก็คือ ตัว Capacitor ที่เมนบอร์ดตัวที่จ่ายไฟเลี้ยง CPU บวมมีขี้เกลือเกาะเต็มไปหมด
ที่เขียนมายาวก็เพื่อเล่าประสพการณ์จริงให้รู้เพื่อค ุณๆ อาจจะมีปัญหาเหมือนผมจะได้เป็นแนวทางแก้ไข
2. ให้คุณดูที่การ์ดจอว่าได้ใช้ไดร์เวอร์ตัวล่าสุด ถ้าแนใจว่าใช้ตัวล่าสุดแล้วยังมีอาการ ก็ให้ทำการ Rollback ไดร์เวอร์ตัวก่อนที่จะเกิดปัญหา
3. ตรวจดูการ์ดจอและเมนบอร์ดว่าเสียหรือไม่เช่น มีรอยไหม้, ลายวงจรขาด มีชิ้นสวนบางชิ้นหลุดจากตำแหน่งเดิม เป็นต้น
4. ดูที่ Bios ว่าส่วนของ VGA slot เลือกโหมด 4x,8x ถูกตามสเปคของการ์ดหรือไม่
5. เช็คดูที่ผู้ผลิดเมนบอร์ดว่ามีไดร์เวอร์ตัวใหม่หรือไ ม่ ถ้ามีให้โหลดลงใหม่ซะ
6. ถ้าคุณมีการ์ดแลนหรือเมนบอร์ดของคุณมี on board อยู่ให้ disable ฟังก์ชั่น "PXE Resume/Remote Wake Up" โดยไปปิดที่ BIOS

18.(stop code 0X0000007F) unexpected Kernel Mode Trap
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกับนัก Overclock (ผมก็คนหนึ่ง) เป็นอาการ RAM ส่งข้อมูลให้ CPU ไม่สัมพันธ์กันคือ CPU วิ่งเร็วเกินไป หรือร้อนเกินไปสาเหตุเกิดจากการ Overclock วิธีแก้ก็คือลด clock ลงมาให้เป็นปกติ หรือ หาทางระบายความร้อนจาก CPU ให้มากที่สุด

19. (stop code 0X000000ED)Unmountable Boot Volume
สาเหตุและแนวทางแก้ไขอาการที่วินโดวส์หา ฮาร์ดดิสก์ไม่เจอ (ไม่ใช่ตัวบูตระบบ) ในกรณีที่คุณมีฮาร์ดดิสก์หลายตัว หนึงในนั้นคุณอาจใช้สายแพของฮาร์ดดิสก์ผิด เช่น ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ 33MB/secound ซึ่งต้องใช้สายแพ 40 pin แต่คุณเอาแบบ 80 pin ไปต่อแทน

ข้อมูลจาก : thaigaming.com